กรมควบคุมโรคประกาศปรับการรายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 เป็นรายสัปดาห์ เริ่ม 3 ต.ค.นี้ ขณะเดียวกันจัดระบบเฝ้าระวังเพิ่มเติม เล็งนำร่อง 8 จังหวัดรวม กทม.ส่วนที่เหลือเลือกจากทุกภูมิภาค เน้นพื้นที่มีกลุ่มเสี่ยง สถานที่เสี่ยงในจังหวัดท่องเที่ยว มีชุมชนแรงงานต่างด้าว เพื่อเก็บข้อมูลแบบเข้มข้น สำหรับประเมินสถานการณ์หากพบมีการติดเชื้อสูงขึ้น สายพันธุ์ต่าง จากเดิม อาจยกระดับมาตรการในบางกิจกรรม ขณะที่ ศูนย์จีโนมฯ ม.มหิดล เผยรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา อังกฤษเริ่มพบผู้ป่วยเข้า รพ.เพิ่มขึ้น โดยฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมโควิดโลกบ่งชี้ติดเชื้อโอมิครอนกลายพันธุ์ใหม่ 3 สายพันธุ์ “BA.2.3.20-BA.2.75.2-BQ.1.1” ที่มีการตั้งชื่ออย่างไม่เป็นทางการ มีทั้งสัตว์ร้าย ในตำนานและเทพเจ้ากรีก
หลังจากไทยปรับลดระดับให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบรุนแรง (โรคโควิด-19) จากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อ ที่ต้องเฝ้าระวัง ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2565 เป็นต้นไป ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 2 ต.ค.ว่า การรายงานตัวเลขผู้ป่วยที่เข้าโรงพยาบาล ผู้ป่วยหนัก ผู้ป่วยสวมท่อช่วยหายใจ และ ผู้เสียชีวิต จากเดิมที่รายงานแบบวันต่อวัน แต่หลังจากนี้ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้แจ้งผ่านเว็บไซต์ของกรม กำหนดให้มีการรายงานโรคเป็นรายสัปดาห์ โดยเริ่มรายงานเป็นรายสัปดาห์ครั้งแรกในวันที่ 3 ต.ค.2565 เป็นต้นไป

...
ต่อมา นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า กรมควบคุมโรคยังติดตามสถานการณ์โรคโควิด-19 หลังลดระดับเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง โดยทุกจังหวัดวางระบบการเฝ้าระวังโรคโควิด-19 ไว้ 3 ระบบ ได้แก่ การติดตามจำนวนผู้ป่วยที่เข้าโรงพยาบาล การระบาดในชุมชน และการเฝ้าระวังสายพันธุ์ แต่เพื่อให้การเฝ้าระวังเข้มข้นขึ้น จะมีระบบการเฝ้าระวังเพิ่มเติมอีกเป็นระบบที่ 4 ใน 8 จังหวัด โดยจะติดตามข้อมูลประชากรกลุ่มเสี่ยง หรือสถานที่เสี่ยงในจังหวัดท่องเที่ยว หรือจังหวัดที่มีความเสี่ยงที่โรคจะแพร่ระบาด หรือจังหวัดที่มีชุมชนแรงงานต่างด้าว ได้แก่ กรุงเทพมหานคร และที่เหลือจะเลือกจังหวัดอื่นๆ ในภูมิภาคละ 2 จังหวัด เป็นการเก็บข้อมูลอย่างเข้มข้น จนถึงปลายปี 2565 เพื่อประเมินสถานการณ์ต่อไป โดยการประเมินนั้นเป็นเหมือนสัญญาณเตือนว่า อาจเกิดการระบาด ได้แก่ อัตราการตรวจพบเชื้อที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และการพบสายพันธุ์ที่ต่างจากเดิม ซึ่งการติดตามข้อมูลโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังจะสรุปข้อมูลเป็นรายสัปดาห์ เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ เพราะโรคไม่ได้เปลี่ยนแปลงเร็วเหมือนช่วงแรก ทั้งนี้ หากพบอัตราการติดเชื้อที่สูงขึ้น อาจมีการยกระดับมาตรการให้เข้มงวดขึ้นในบางกิจกรรม เช่น การขนส่งสาธารณะ สถานพยาบาล สถานดูแลผู้สูงอายุ สถานดูแลเด็ก
วันเดียวกัน ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี ม.มหิดล โพสต์เฟซบุ๊กว่า สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NHS) และสำนักงานสถิติ (ONS) แห่งสหราชอาณาจักร รายงานว่า ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวใน รพ.เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 48 โดยข้อมูลจากฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมโควิดโลก (GISAID) บ่งชี้ว่ามีการติดเชื้อโอมิครอนกลายพันธุ์ใหม่ 3 สายพันธุ์ “BA.2.3.20, BA.2.75.2 และ BQ.1.1” โดยผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่แตกต่างจากผู้ติดเชื้อระลอกเดิมคือ ส่วนใหญ่มีอายุไม่มาก อยู่ในระหว่าง 25-55 ปี ขณะนี้ทางการอังกฤษกำลังระดมฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญบางคนเสนอให้ประชาชน กลับมาใส่หน้ากากอนามัย และมีการเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อป้องกันการระบาดระลอกใหม่ หรือ “Next Wave of COVID-19”
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯระบุอีกว่า สำหรับสายพันธุ์ BA.2.3.20 พบในฐานข้อมูลโลก จำนวน 119 คน มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า “บาซิลิสก์ (Basilisk) สัตว์ครึ่งนกครึ่งงูในเทพนิยายกรีก” สายพันธุ์ BA.2.75.2 พบในฐานข้อมูลโลก จำนวน 744 คน มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า “ไครอน (Chiron) สัตว์ครึ่งคนครึ่งม้าในเทพนิยายกรีก” และสายพันธุ์ BQ.1.1 พบในฐานข้อมูลโลกจำนวน 190 คน มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า “เซอร์เบอรัส (Cerberus) สุนัข 3 หัว หางเป็นหัวงู เฝ้าปากประตูนรกในเทพนิยายกรีก” โดยทั้ง 3 สายพันธุ์มีการกลายพันธุ์ที่หลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อตามธรรมชาติและดื้อต่อแอนติบอดีสำเร็จรูป ทั้งนี้ ข้อมูลจากฐานข้อมูลโลก ประเทศไทยพบโอมิครอน BA. 2.75.2 จำนวน 3 คน แต่ยังไม่พบ BA.2.3.20 และ BQ.1.1