ช่วงเวลาที่ผ่านมาสถานการณ์การบ้านการเมืองกรุ่นๆอยู่กับข่าวครบวาระจบไปแล้วหนึ่งยก...กับนายกรัฐมนตรี 8 ปี ที่ศาลรัฐธรรมนูญให้พักงานชั่วคราว แล้วให้พี่ใหญ่เป็นมวยแทนนำพา บ้านเมืองเดินต่อไป...ส่วนไปรอดหรือไม่นั้น? กรุณา...“เวต แอนด์ ซี”
อะไรไม่ว่า...อยากให้พี่ใหญ่ทบทวนบทบาทที่น้องเล็กทำไว้ในเรื่อง “ท่องเที่ยว” ซีรีส์สุดปังที่ใครๆชอบพูดถึงเหมือนกลัวตกขอบเวที...ก่อนอื่นคงต้องย้อนกลับไปดูที่พรรคร่วมเมื่อคราวหาเสียงหลอกคนปลูกกัญชาบอกจะขายได้กิโลกรัมละ 6 หมื่นบาท...นี่ก็สร้างบรรยากาศขายฝัน “ท่องเที่ยว” ได้อยู่เหมือนกัน
แล้วเป็นไง? จะเลือกตั้งใหม่กันอยู่แล้ว...ไอ้ที่จนไม่เห็นรวยอย่างที่ฟุ้ง อีกทั้งกฎหมายลูกคุมกัญชาเสรีก็ยังไม่ถึงฝั่งฝัน...ผู้นำที่ถูกพักยกก็มัก “บ้าใบ้ถือใยบัว” ไม่เคยเห็นพูดเรื่องนี้สักแอะ
ไม่เท่านั้น...พรรคกัญชาที่ว่าได้กุมนโยบายท่องเที่ยวของชาติ คนในพรรคเลยเสนอทำตลาดดึงทัวริสต์ต่างชาติมาใช้เงินถองกัญชาบ้านเรา พ่อค้าถนนข้าวสารแหล่งขายเครื่องสังฆภัณฑ์มาก่อนยกมือสนับสนุนพรึ่บๆ ปรับเป็นมุมขายและดูดกัญชาเสรีเหมือนกินเฉาก๊วย พี้เสร็จไปย่ำต่อเกาะรัตนโกสินทร์มรดกไทย...
อนิจจา! บ้านเมืองท่าจะมีแต่คน “บะลู้บะทู้” กันไปหมด?
...
ตัดฉากมาที่ “ท่องเที่ยว” เมนต์นี้ไม่เกี่ยวพี่ใหญ่...ราวๆสามสัปดาห์ที่แล้วดูข่าวทีวี 6 โมงเย็น โทรทัศน์ช่องหนึ่งรายงานข่าวผับสัตหีบกลายเป็นเตาเผาศพ พิธีกรเล่าเชิงวิจารณ์ข่าว “นักท่องเที่ยว” วิ่งหนีตายกันแตกตื่น...ไม่กี่วันต่อมาก็มีเหตุยิงสนั่นกันในผับราชบุรี พิธีกรคนเดิมขยี้ข่าว “นักท่องเที่ยว” หนีตายอลหม่าน
งงไปหมด?...คนเล่าข่าวคงนึกว่าผับทั้งสองคือแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการโปรโมต ผู้สันทัดกรณีด้านการท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศมากประสบการณ์ จึงอดสอนมวยไม่ได้...คำว่า “นักท่องเที่ยว” (ทัวริสต์)
องค์การท่องเที่ยวโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ตั้งนิยาม “บุคคลซึ่งเดินทางจากถิ่นพำนักถาวรไปสู่อีกที่หนึ่งเพื่อท่องเที่ยว โดยพักค้างตั้งแต่ 1 คืนเป็นต้นไป”
ถ้าไม่ค้างเรียก “นักทัศนาจร” (เอ็กซ์เคอชันนิสต์) 2 กลุ่มรวมกันเรียก “ผู้เยี่ยมเยือน” (วิสิเตอร์)...ส่วนคนชอบมั่วตามผับ-บาร์ อาบ อบ นวด ซ่องโสเภณี ดิกชันนารีอังกฤษ-ไทยบัญญัติศัพท์ว่า “นักเที่ยว” ไม่ใช่ “ทัวริสต์”...คนเรียนสาขานี้จะได้ไม่ตีหน้ามึนๆงงๆเมื่อถูกถาม
ต่อเนื่องเชื่อมโยงไปอีกเรื่องกับ...ข่าวนายกรัฐมนตรี 8 ปีเป็นปลื้ม “ไทยคือประเทศเป้าหมายที่ทัวริสต์ต่างชาติอยากมาเที่ยวมากสุด” โดยอ้างผลสำรวจความคิดเห็นจากผู้ใช้บริการจองห้องของธุรกิจต่างชาติประเภท “เหลือบ” หากินในบ้านเรา
ประเด็นนี้เจ้าของธุรกิจโรงแรมและนำเที่ยวไทยได้แต่ส่ายหน้า อดีตนายกรัฐมนตรีตกเก้าอี้จะปลื้มจริงไม่จริงไม่รู้...รู้แน่ๆเป็นคนใกล้ตัวหยิบข่าวโซเชียลมาจ้อแทน ไม่ศึกษาที่มาของธุรกิจรายนี้คือ “เสือนอนกิน” รับจองห้องและบริการท่องเที่ยวทุกชนิดโดยมีเอี่ยว 15-30% ส่งต่อสิงคโปร์สุดทางบริษัทแม่ที่อเมริกา...
ปลื้มสิท่า?กับเงินไหลออกปีหนึ่งเป็นร้อยเป็นพันล้านบาท ถ้าคนรู้คนเจอจริงๆไม่ปลื้มแน่นอน
ฉายภาพสถิติตัวเลขเรื่อง “ท่องเที่ยว” ที่เป็นโล้เป็นพาย กระทรวงการท่องเที่ยวฯบอก 7 เดือนไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 3,204,177 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 58,503 คน...แต่ช้าไปต๋อย รัฐวิสาหกิจขาประจำขิงใส่เอาเป็นว่าตั้งแต่ต้นปีถึงสิงหาคม คาดได้แน่นอน 4.5 ล้านคน...ฮั่นแน่!
...
ดีต่อใจด้วยกันทั้งคู่...แต่สงสัยกระทรวงนี้ไม่บูรณาการสถิติจึงไปคนละทิศละทางทำเอาเอกชนภาคปฏิบัติที่เตรียมทำแผนตลาดเพื่อขายไม่รู้จะเชื่อใครดี?...เพราะยักแย่ยักยันกันอยู่นั่นแหละ
โมเมนต์นี้...แรงกระเพื่อมดีกว่าใครอื่นปีนี้ ได้แก่ ภูเก็ตสุดปังด้วย “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ซึ่งลงเข็มปักหมุดตั้งแต่กลางปีที่แล้ว...ทว่าซีนาริโอที่โชติช่วงชัชวาลด้วยศักยภาพตัวเอง นับจากต้นปีเป็นต้นมามีส่วนทำรายได้ท่องเที่ยวให้ประเทศแกว่งเกิน 5.54 แสนล้านบาทนี้ ต้องยกให้ชลบุรี...พัทยา-บางแสน
ด้วยอยู่ใกล้เมืองหลวงมีสนามบิน 2 แห่งรองรับ การคมนาคมสะดวก แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและกิจกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้นแปลกใหม่ ด้านธุรกิจบริการไม่เป็นสองรองกรุงเทพฯ นักท่องเที่ยวถึงเลือกเป็นจุดหมายปลายทางก่อนใครอื่น...หลังท่องเที่ยวติดสุญญากาศไปสองปี
สุพจน์ ประกิจจานุรักษ์ จีเอ็ม อมารี พัทยาและพื้นที่ภาคตะวันออก บอกว่า ปีนี้สถานการณ์ท่องเที่ยวส่งสัญญานในพื้นที่ดีมาตลอด ลองฮอลิเดย์เริ่มกลับมาคึกคักทั้งอังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศสและอเมริกา ตลาดออสเตรเลียฟื้นตัวแล้ว เกาหลีมีบ้าง ส่วนจีน ญี่ปุ่น คงต้องรอปีหน้า
...
“ตลาดอินเดีย ตะวันออกกลาง เวียดนาม เห็นได้จากคาบาเรต์โชว์เปิดรับเป็นปกติ เดือนที่ดีที่สุดปีนี้คือกรกฎาคมสูงถึง 70% นอกนั้นขึ้นลงตามโควิดและมรสุมที่ไม่แน่นอน คาดหนาวนี้จะดีกลุ่มอินเซนทีฟเพิ่มขึ้นกว่าที่ผ่านมา”
แนวโน้มโรงแรมขนาดเล็กยังไม่ฟื้นอีกมาก แต่โรงแรมขนาดใหญ่ในพัทยาเปิดใหม่ขนาด 400 ห้อง 1 แห่งเพราะมั่นใจตลาด ขณะพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปจากเซ็กเมนต์มากับทัวร์ ก็หันมาเป็นกลุ่มรีเทลจัดการวางแผนเดินทางเอง เป็น “สเตย์รีเทล”...เที่ยวแบบครอบครัวพ่วงทำงาน
เช่นเดียวกับกลุ่ม “เวิร์กเกชัน” และพวก “ดิจิทัลโนแมด” ที่นิยมพกพาคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไว้ทำงานระหว่างเที่ยวและพักผ่อน
“บางแสนนักท่องเที่ยวไทยกลุ่มนี้มีมากขึ้น เห็นได้ชัดเจนคือพวกคอเปอร์เรตจากธุรกิจต่างๆ จึงทำให้ห้องพักที่นี่มีนักท่องเที่ยวไทยจองเต็มทุกวันศุกร์และเสาร์ถึงปลายปี” สุพจน์ ทิ้งท้าย
กัมพล ตันสัจจา ผู้อำนวยการสวนนงนุชพัทยา สวนสวย 1 ใน 10 ของโลก เสริมว่า ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติเริ่มสนใจการเที่ยวแบบ “สเตย์รีเทล” มากขึ้น...เป็นซอฟต์เพาเวอร์สู่การจองห้องพักรีสอร์ต และนงนุชเทรดดิชั่นจำนวน 400 ห้องเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่ต้องการพักผ่อนและทำงาน
...
โดยทุกจุดมีสัญญาณการสื่อสารไร้สายไว้บริการ รวมถึงกลุ่มจัดเลี้ยงประชุมสัมมนามีศูนย์การประชุมนานาชาติรับคนได้พร้อมกันถึง 7,000 คน
“เราสร้างซอฟต์เพาเวอร์เชื่อมแหล่งเรียนรู้ให้แก่เด็กๆ เรื่องการลดปัญหาโลกร้อนโดยปลูกฝังการปลูกต้นไม้ การสร้างค่ายเยาวชนรับได้ 300 คนบนยอดเขาบันไดกฤษ และเติมเต็มด้วยการสร้างสวนสมุนไพรตามแบบโบราณของอิตาลีเพื่อการศึกษา ขณะเดียวกันสร้างสวนกัญชาสนับสนุนการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์
โดยไม่เกี่ยวข้องเรื่องอื่นๆ เพราะรู้ว่าพืชชนิดนี้กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ที่สำคัญคือทัวร์จีนเดี๋ยวนี้รังเกียจเรื่องพวกนี้”
สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือการสอนที่ว่ามนุษย์เคยมีอายุเฉลี่ย 90-100 ปี เพราะมีสมุนไพรช่วยเยียวยา...ปัจจุบันเฉลี่ยแค่ 75 ปีเท่านั้น อีกอย่างคนสูงอายุคือคนมากประสบการณ์ แต่เมื่ออายุ 60 ปีกลับทิ้งให้อยู่เฉยๆน่าเสียดายความรู้ที่มีอยู่ เราจึงเปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้เป็น “สเตย์รีเทล” ในแหล่งเรียนรู้ที่มีอยู่
“สเตย์รีเทล”เป็นกลยุทธ์ตลาดท่องเที่ยวแนวใหม่...ที่ถูกนำมาใช้ให้เข้ากับซีนาริโอวันนี้.