“ปวีณา” พาเด็กสาววัย 16 ปี เหยื่อซ่องนรกเมืองเมียวดีเข้าร้องเรียน ศพดส.ตร.ดำเนินคดีขบวนการค้ามนุษย์ล่อลวงไปทำงานคาราโอเกะผ่านสื่อสังคมออนไลน์จนตกเป็นเหยื่อค้ากามนานนับเดือน แฉแหลกยังมีเหยื่อสาวคนไทยอยู่ในพม่าอีกจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมี 7 ผู้เสียหาย อ้างถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ล่อลวงไปทำงานที่ประเทศฟิลิปปินส์ บังคับให้โทร.หลอกลวงเหยื่อในไทยลงทุนสกุลเงินดิจิทัล อ้างถ้าไม่ทำจะถูกลงโทษสุดโหด ทั้งใช้ไฟฟ้าช็อต กระทำอนาจาร และข่มขืน “บิ๊กโจ๊ก” รับเรื่อง ประกาศเร่งล่ากลุ่มผู้ต้องหาทั้งคนไทยและชาวต่างชาติอย่างเร่งด่วนแล้ว
ที่สโมสรตำรวจ เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 ก.ย. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วยเยาวชนหญิงผู้เสียหายถูกหลอกไปค้าประเวณีที่ประเทศเมียนมา 1 คน และผู้เสียหายที่อ้างว่าถูกกลุ่มขบวนการหลอกไปบังคับทำงานล่อลวงเหยื่อลงทุนเงินสกุลดิจิทัล (คริปโต เคอร์เรนซี) ที่ประเทศฟิลิปปินส์ 7 คน เข้าพบ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผอ.ศพดส.ตร.) ให้สืบสวนติดตามและดำเนินคดีกลุ่มคนร้ายข้ามชาติหลอกลวงเหยื่อไปทำงานต่างประเทศ
นางปวีณา หงสกุล กล่าวว่า กรณีผู้เสียหายอายุ 16 ปี ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่ประเทศเมียนมา พ่อแม่น้องเป็นคนบุรีรัมย์ แต่มาทำงานก่อสร้างที่ปากเกร็ด ไม่ค่อยมีเวลาดูแลน้องต้องอยู่กับตายาย จนมีเพื่อนผู้ชายติดต่อมาหาผ่านแชตเฟซบุ๊ก ตอนแรก ทำทีชวนไปเที่ยว จ.ตาก น้องไว้ใจคนนี้ขอแม่ไปเที่ยว ตอนแรกยังส่งรูปมาให้ดูว่าเขาดูแลอย่างดี แต่สุดท้าย กลับถูกหลอกให้ข้ามไปทำงานร้านคาราโอเกะที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ถูกบังคับค้าประเวณี น้องจึงส่งข้อความหาแม่บอกว่าอยากฆ่าตัวตาย
...
แม่มาร้องเรียนที่มูลนิธิปวีณาฯ ประสานทหารไทยร่วมกับทหารเมียนมาเข้าตรวจค้น การช่วยเหลือค่อนข้างยากใช้เวลานานเพราะจุดดังกล่าวอยู่ใกล้พื้นที่สู้รบ ลักษณะเปิดเป็นซ่องและคาราโอเกะหลายที่มาก แต่สุดท้ายช่วยเหลือน้องกลับมาได้ ตอนนี้ยังมีคนไทยถูกหลอกไปค้าประเวณีในประเทศเมียนมา รอความช่วยเหลือหลายพื้นที่ เช่น พื้นที่ตอนเหนือ ซึ่งเป็นเขตปกครองของจีน ต้องประชุมหารือกับตำรวจ ต่อไปว่าจะเข้าไปช่วยเหลืออย่างไร
ด้านนางเอ (นามสมติ) อายุ 42 ปี แม่เหยื่อ อายุ 16 ปี เผยว่า เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ลูกสาวติดต่อมาหา ทางแชต บอกว่า อยากกลับบ้าน ตอนนั้นเข้าใจว่า ลูกอยู่ที่ จ.ตาก เลยถามว่าให้พ่อไปรับไหม แต่ลูกบอกว่าข้ามมาอยู่ฝั่งเมียนมาได้เกือบ 1 เดือนแล้ว กลับไม่ได้ขอให้แม่ช่วย แล้วพยายามส่งข้อความมาหาตลอด บอกแต่ว่าให้ช่วยพากลับบ้าน มีแอบวิดีโอคอลมาหาแล้วร้องไห้ พยายามแอบถ่ายรูปมาให้ดูว่าอยู่ที่ไหนและส่งโลเกชันมาให้ ตนไม่รู้จะทำอย่างไรเลยไปร้องเรียนมูลนิธิปวีณาฯ ตนเพิ่งมารู้ว่า ก่อนหน้านี้ลูกสาวถูกชักชวนให้ไปทำงานร้านคาราโอเกะ แต่กลับโดนบังคับให้ค้าประเวณีด้วย แต่ลูกไม่ยอมทำ จะถูกบังคับให้ทำงานในร้านทุกวัน แต่ไม่ให้เงินและไม่มีอิสระ ทำงานเสร็จต้องอยู่แต่ในห้องทึบๆมีคนไทยด้วยกันคอยคุมตลอด จะไปไหนต้องมีคนเดินตาม ส่วนโทรศัพท์มือถือที่ใช้ติดต่อมาหาตนลูกสาวแอบเอาพกติดตัวไป ต้องคอยแอบใส่ไว้ในรองเท้า ตอนที่คุยกับลูกถึงขั้นตัดพ้อว่า ไม่อยากอยู่แล้ว อยากตาย ตนเองเป็นห่วงลูกจนร้องไห้ทุกวัน
นอกจากนี้ นางปวีณายังพาผู้เสียหายอีก 7 คน ถูกล่อลวงไปทำงานหลอกลงทุนสกุลเงินดิจิทัลที่ประเทศฟิลิปปินส์ มาร้องเรียน ศพดส.ตร.ให้ดำเนิน คดีด้วย ผู้เสียหายกลุ่มนี้ถูกหลอกผ่านการชักชวนทาง เฟซบุ๊กให้ไปทำงานที่ประเทศฟิลิปปินส์ แต่เมื่อไปถึงกลับถูกบังคับให้เป็นคอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์มา หลอกลวงคนไทยให้ลงทุนคริปโตฯ หากขัดขืนไม่ทำ ตามจะถูกทารุณกรรมทั้งทำร้ายร่างกาย กระทำอนาจาร ข่มขืน และใช้ไฟฟ้าช็อต เข้าข่ายการค้ามนุษย์ มูลนิธิ ปวีณาฯประสานไปยังกรมการกงสุลให้การช่วยเหลือกลับมาได้
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล กล่าวว่า วันนี้รับทั้ง 2 เรื่องไว้ให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายทันที จะเร่งสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีทั้งคนไทยที่มาหลอกคนไทยด้วยกันไปทำงาน ทั้งที่อยู่ในไทยและในต่างแดน รวมถึงดำเนินคดีคนต่างชาติที่พบความเชื่อมโยงทั้งหมดด้วย สำหรับกรณีคนที่ถูกหลอกไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศฟิลิปปินส์ หลังจากนี้ต้องไล่ตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน รวมถึงนำโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายมาตรวจสอบทั้งหมด เพื่อหาความเชื่อมโยงของทั้งเครือข่าย ขอย้ำ ว่าจะเร่งรัดการออกหมายจับผู้กระทำผิด โดยเฉพาะกลุ่มคนไทยเอง เพราะหากคนไทยกลุ่มนี้ไม่ไปร่วมมือ กับชาวต่างชาติ คนไทยด้วยกันจะไม่มีทางถูกหลอกได้