• หมอชี้ปัญหา "ลองโควิด" เหมือนอาฟเตอร์ช็อกระลอกใหญ่ที่ต้องเตรียมรับมือเพราะมีผลกระทบมหาศาลต่อสุขภาพ คุณภาพชีวิต และค่ารักษา
  • ผลวิจัยต่างประเทศพบ "คนกรุ๊ปเลือดโอ" มีปัจจัยเสี่ยงเป็นลองโควิดมากกว่าคนกรุ๊ปเลือดอื่น
  • หมอแจง "หวัดมะเขือเทศ" ไม่ใช่ไวรัสตัวใหม่ ชี้เกิดจากไวรัส มือ เท้า ปากในเด็ก ยันไม่ใช่โรครุนแรง

สถานการณ์โควิดฯในไทยยังถือว่าทรงตัว ถึงแม้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะปรับระบบรายงาน จนทำให้ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ลดลงไปมาก แต่ตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันยังไม่มีวี่แววว่าจะลดลงตามมา ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนตระหนักว่า โควิดไม่ใช่โรคหวัดธรรมดา ติดแล้วป่วยรุนแรงและสามารถตายได้ ถึงแม้จะฉีดวัคซีนหรือเคยติดเชื้อมาก่อนแล้วก็ตามแต่ ดังนั้นการป้องกันตัวเองอย่างสม่ำเสมอ จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ นอกจากนี้ปัญหาอาการผิดปกติหลังจากหายป่วยหรือ "ลองโควิด" ก็เป็นเรื่องที่ควรตระหนักไว้เสมอ เพราะนอกจากจะบั่นทอนสุขภาพแล้ว ยังส่งผลกระทบในระยะยาว ต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอีกด้วย !!!

...

รู้จัก "ลองโควิด-อาการ-สาเหตุที่เกิด?" 

"ลองโควิด" คือ ภาวะของคนที่หายจากโควิด-19 แล้วแต่ยังต้องเผชิญกับอาการที่หลงเหลืออยู่ เชื้อโควิดหายจากร่างกายไปแล้ว แต่บางอาการกลับไม่หายไปด้วย อาการลองโควิดจะมีอาการแตกต่างกันไปในแต่ละคน เป็นอาการที่ไม่มีลักษณะตายตัว สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย ตั้งแต่ระบบหายใจ ระบบประสาท ระบบทางเดินอาหาร หัวใจและหลอดเลือด ทำให้คนที่หายป่วยบางราย ยังไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติเหมือนเดิม ซึ่งอาการลองโควิดมีโอกาสเกิดขึ้นได้ 30-50% จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดฯที่รักษาหายแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการป่วยรุนแรง

โดยมีข้อมูลจากต่างประเทศ รายงานว่า ลองโควิดเป็นอาการเกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนานหลายสัปดาห์ หลังจากติดเชื้อโควิด ซึ่งมักจะดีขึ้นภายใน 12 สัปดาห์ แต่ในบางรายสามารถพบอาการที่ยังหลงเหลืออยู่ได้ยาวนานกว่านั้น มักพบในผู้ป่วยอายุระหว่าง 35-49 ปี และอายุระหว่าง 50-69 ปี ร้อยละ 20 ผู้ป่วยจะเข้าข่ายนี้ หลังจากรับเชื้อไปแล้ว 5 สัปดาห์

สำหรับอาการที่พบบ่อยหลังการติดเชื้อโควิด-19 ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว ปวดตามข้อ กล้ามเนื้อไม่มีแรง ไอเรื้อรัง การรับรสและได้กลิ่นผิดปกติ รู้สึกเหมือนมีไข้ ปวดศีรษะ มึนศีรษะ นอนไม่หลับ ความจำไม่ดี ไม่มีสมาธิ มีภาวะวิตกกังวล ซึมเศร้า เครียด ใจสั่น แน่นหน้าอก ท้องเสีย และท้องอืด เป็นต้น

ส่วนสาเหตุที่เกิดภาวะลองโควิด ยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด แต่สามารถทำให้เกิดความผิดปกติกับร่างกายและจิตใจของผู้ที่เคยติดเชื้อโควิดได้ ดังนั้นจึงแนะนำให้หมั่นสังเกตและประเมินร่างกายตัวเองอยู่เสมอหลังจากหายป่วย หากพบอาการผิดปกติควรไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อตรวจประเมินสภาพร่างกาย เพื่อรับการรักษาและวางแผนการฟื้นฟูร่างกายที่เหมาะสม เนื่องจากอาการดังกล่าว อาจเกิดขึ้นระยะยาวและส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน และหากปล่อยไว้นานก็อาจเป็นอันตรายได้ ผู้ที่หายจากโควิดฯนอกจากการหมั่นสังเกตความผิดปกติแล้ว การตรวจร่างกายเป็นประจำตามคำแนะนำของแพทย์ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะจะช่วยให้รู้ทันความผิดปกติที่เกิดขึ้น และสามารถดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม

"ลองโควิด" เหมือนอาฟเตอร์ช็อกระลอกใหญ่ สร้างผลกระทบมหาศาล

โดย รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า ทีมงานวิจัยจาก UCSF ประเทศสหรัฐอเมริกา ศึกษาในเรือนจำ 35 แห่งของรัฐแคลิฟอร์เนีย พบคนที่ติดเชื้อแต่มีประวัติได้รับวัคซีนครบ ช่วยลดโอกาสในการแพร่เชื้อได้ 24% ส่วนปัญหา "ลองโควิด" เป็น "อาฟเตอร์ช็อก" ใหญ่ที่ต้องเตรียมรับมือ ความรู้ทางการแพทย์ปัจจุบันฟันธงชี้ชัดว่าปัญหาลองโควิดเกิดขึ้นจริง สร้างผลกระทบมหาศาลทั้งต่อสุขภาพ คุณภาพชีวิต การทำงาน ค่าใช้จ่าย กลไกการทำให้เกิดพยาธิสภาพในร่างกาย จนมีอาการผิดปกติในหลายอวัยวะ เกิดได้จากทั้งการที่ถูกทำลายโดยตรงจากไวรัส กระบวนการอักเสบเรื้อรัง การเสียสมดุลของเชื้อโรคในร่างกาย จนนำไปสู่การทำงานผิดปกติของอวัยวะ ฯลฯ โดยที่งานวิจัยในระยะหลัง ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกต่างออกมาเรียกร้องให้แต่ละประเทศ เตรียมรับมือกับลองโควิด โดยเปรียบเหมือนอาฟเตอร์ช็อก ที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ล่าสุดข้อมูลจาก Nomi Trends in Spend Tracker ที่ออกรายงานวิเคราะห์การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ จำนวนกว่า 20 ล้านครั้งในสหรัฐอเมริกา พบครึ่งปีแรกของปี 2022 ลองโควิดทำให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนสูงกว่าโรคเบาหวานถึง 26%

...

"คนเลือดกรุ๊ปโอ" มีปัจจัยเสี่ยงมากกว่ากรุ๊ปอื่น 

ทั้งนี้ มีงานวิจัยจากต่างประเทศที่น่าสนใจพบว่า "คนกรุ๊ปเลือดโอ" มีปัจจัยเสี่ยงเป็นลองโควิดมากกว่าคนกรุ๊ปเลือดอื่น รศ.นพ.ธีระ เปิดเผยว่า งานวิจัยเกี่ยวกับอาการลองโควิดกับกรุ๊ปเลือด โดย Diaz-Salazar S และคณะจากประเทศสเปน เผยแพร่ผลการศึกษาในวารสารการแพทย์โรคติดเชื้อ Infectious Diseases เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ศึกษาในกลุ่มผู้ที่เคยติดเชื้อโรคโควิด-19 จำนวน 121 คน มี 36 คนที่มีปัญหาลองโควิด และอีก 85 คนที่ไม่มีปัญหาลองโควิด พบว่าผู้ที่มีเลือดกรุ๊ปโอ (O) จะมีความสัมพันธ์กับการเกิดปัญหาลองโควิด มากกว่ากรุ๊ปเลือดอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ โดยพบว่าทำให้เสี่ยงมากกว่าราว 6 เท่า นอกจากนี้ยังมีจำนวนอาการผิดปกติต่างๆ มากกว่ากรุ๊ปเลือดอื่นอีกด้วย

"ทั้งนี้พบว่าผู้ที่มีเลือดกรุ๊ปโอ จะมีค่าสารเคมีในเลือดที่บ่งถึงการเกิดกระบวนการอักเสบมากกว่ากรุ๊ปเลือดอื่น แม้การศึกษานี้มีจำนวนกลุ่มประชากรที่ศึกษาไม่มากนัก แต่ให้ผลการศึกษาที่น่าสนใจ และน่าติดตามว่าจะมีการศึกษาขนาดใหญ่ในอนาคตที่จะพิสูจน์ให้เห็นผลที่สอดคล้องกันหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ปัญหาลองโควิดเป็นเรื่องจริงและทำให้ประเทศทั่วโลกต้องเตรียมรับมือผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ทั้งต่อสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม ดังนั้นการป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อย่อมเป็นเรื่องดีที่สุด"

...

"หวัดมะเขือเทศ" ไม่ใช่โรคใหม่ ยันไม่รุนแรง

ส่วนกรณีมีข่าวพบผู้ป่วย "โรคไข้หวัดมะเขือเทศ" ที่ประเทศอินเดีย จนสร้างความตื่นตระหนกเป็นวงกว้างว่าอาจเป็นโรคติดเชื้อชนิดใหม่นั้น นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้แจงว่า ผู้ป่วยในประเทศอินเดียที่พบเป็นกลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ติดเชื้อเกือบร้อยคนไม่มีผู้เสียชีวิต เนื่องจากเชื้อไวรัสชนิดนี้แพร่กระจายได้ง่ายจากการสัมผัส เช่น สัมผัสพื้นผิวที่ไม่สะอาด หรือนำสิ่งของเข้าปาก ทำให้กลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้ง่ายเป็นพิเศษ อาการเริ่มต้นจะคล้ายไข้หวัด คือ มีไข้ ปวดเมื่อยตัว ต่อมามีผื่นขึ้นจะมีลักษณะแดง และเป็นตุ่มน้ำคล้ายมะเขือเทศ

จากการสันนิษฐานและอาการเด็กที่ป่วยคล้ายกับ "โรคมือ เท้า ปาก" ที่พบบ่อยในเด็ก ไม่ใช่โรคติดเชื้อชนิดใหม่ สถานการณ์ของโรคยังไม่น่ากังวล ยังไม่มีรายงานการพบผู้ป่วยในไทย และโรคดังกล่าวแพร่ระบาดอยู่ในวงจำกัด กระบวนการคัดกรองและรักษาในประเทศสามารถทำได้เช่นเดียวกับการรักษาโรคมือ เท้า ปากในเด็ก ในปัจจุบันมีทั้งชุดตรวจคัดกรอง ยารักษาในสถานพยาบาลในประเทศทุกระดับ โดยในช่วงฤดูฝนอากาศจะเย็นและชื้น เชื้อโรคแพร่กระจายได้ง่าย จึงขอความร่วมมือผู้ปกครองระมัดระวังดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด หมั่นทำความสะอาดของเล่นเด็ก และบริเวณพื้นที่ที่เด็กอยู่เป็นประจำ เพื่อลดเชื้อโรคที่อยู่ในสิ่งแวดล้อม

...

เกิดจากไวรัส "คอกซากี A16"

ขณะที่ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อมูล "ไข้หวัดมะเขือเทศ" ผ่านเพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics เช่นกันว่า จากการถอดรหัสพันธุกรรม จากตัวอย่างสวอปตุ่มแผลจากผู้ป่วยสองรายพบว่า เป็นไวรัส "คอกซากี A16 (Coxsackie A16)" ที่ก่อให้เกิดโรคมือ เท้า ปาก มิใช่ไวรัสตัวใหม่แต่ประการใด และกระทรวงสาธารณสุขอินเดียได้ออกมายืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดมะเขือเทศในประเทศ ตั้งแต่เดือน พ.ค. 2565 จนถึงขณะนี้พบแล้วถึง 82 คน เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ พบการระบาดมากที่สุดในรัฐเกรละ (ซึ่งเป็นรัฐที่พบไวรัสโควิด-19 และไวรัสฝีดาษลิงระบาดมากเช่นกัน) รองลงมาเป็นรัฐทมิฬนาฑู รัฐโอริสสา และรัฐหรยาณา

ส่วนที่มีชื่อเรียกขานในท้องถิ่นว่า ไข้หวัดมะเขือเทศนั้น เนื่องจากหากติดเชื้อแล้ว ผู้ป่วยซึ่งเป็นเด็กเล็กจะมีผื่นแดงคล้ายมะเขือเทศ สร้างความเจ็บปวดให้กับร่างกาย โดยเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้ง่ายเป็นพิเศษ เนื่องจากเชื้อไวรัสชนิดนี้แพร่กระจายได้ง่ายจากการสัมผัส เช่น เด็กเล็กสัมผัสพื้นผิวที่ไม่สะอาดที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่ง หรืออุจจาระของเด็กติดเชื้อ หรือนำสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสเข้าปาก และมีเด็กหญิง อายุ 13 เดือน และพี่ชาย อายุ 5 ขวบ จากอังกฤษ บิดามารดาพากลับไปเยี่ยมญาติที่อินเดีย เกิดมีผื่นขึ้นที่มือและขาเหมือนไข้หวัดมะเขือเทศ ใน 1 สัปดาห์หลังกลับจากรัฐเกรละ ประเทศอินเดีย ในเดือน พ.ค.โดยพ่อแม่เด็กแจ้งว่าลูกของเขาได้เล่นกับเด็กอีกคนหนึ่ง ที่เพิ่งหายจากไข้หวัดมะเขือเทศ หนึ่งสัปดาห์ก่อนจะเดินทางกลับอังกฤษ ดร.จูเลียน ถัง จากมหาวิทยาลัยเลสเตอร์ ในสหราชอาณาจักรและเพื่อนร่วมงานได้สวอปตุ่มน้ำ และลำคอไปตรวจ PCR พบว่าไม่ใช่ไวรัสฝีดาษลิง แต่เป็นไวรัสในกลุ่มของ "เอนเทอโรไวรัส (Entero Virus)" ที่ก่อให้เกิด "โรคมือ เท้า ปาก" และจากการถอดรหัสพันธุกรรมพบว่าเป็นไวรัส "คอกซากี A16" โดยมีรหัสพันธุกรรมคล้ายกับ "คอกซากี A16" สายพันธุ์ที่ระบาดในจีนมากกว่าสายพันธุ์ที่ระบาดในไทยมิใช่ไวรัสชนิดใหม่ หรือสายพันธุ์ใหม่แต่ประการใด

ทั้งนี้ สรุปได้ว่า "ไข้หวัดมะเขือเทศ" ซึ่งส่งผลกระทบต่อเด็กจำนวนหนึ่งในเมืองเกรละ ประเทศอินเดีย จากการถอดรหัสพันธุกรรมจากตุ่มแผลและลำคอจากเด็กเล็กสองคนพบว่าเป็นโรคมือ เท้า และปาก อันเกิดจากไวรัส "คอกซากี A16" ที่ระบาดในเด็ก มีอาการไม่รุนแรง โดยอาจเป็นไปได้ด้วยว่าบางรายอาจเกิดจากการติดเชื้อจากไวรัสชิคุนกุนยาและไวรัสไข้เลือดออก ที่มียุงเป็นพาหะ สำหรับชุดตรวจกรอง PCR ในประเทศไทยต่อไวรัสที่ก่อโรคมือ เท้า และปาก มีให้บริการอยู่แล้วในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนหลายแห่ง เนื่องจากโรคไข้ออกผื่นเกิดขึ้นเป็นประจำในเด็กเล็ก

ผู้เขียน : หงเหมิน

กราฟิก : Anon chantanant

ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลรามคำแหง