เคาะแล้วปรับขึ้น “ค่าแรงขั้นต่ำ” ขณะที่จังหวัดชลบุรี...ระยอง...ภูเก็ต ปรับขึ้นสูงสุด 354 บาทต่อวัน เตรียมประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2565 เป็นต้นไป
ข่าวดีนี้มาจากการประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง ชุดที่ 21 (กรรมการไตรภาคี) ครั้งที่ 8/2565 เพื่อพิจารณากลั่นกรองข้อเสนออัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2565 ร่วมกับผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ผู้แทนฝ่ายลูกจ้างและผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ
น่าสนใจว่า “ประเทศไทย” ว่างเว้นไม่มีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว นับตั้งแต่มีการระบาดโรค “โควิด-19” ส่วน... กรุงเทพมหานคร, นนทบุรี, นครปฐม, ปทุมธานี, สมุทรปราการ และสมุทรสาคร อัตราค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่ 353 บาทต่อวัน
ช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า...โครงสร้างทางการเงินของกิจการและธุรกิจอุตสาหกรรมบางส่วนอ่อนแอมากและถูกซ้ำเติมจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด ผนวกกับราคาพลังงานแพง มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นมีหนี้สินเพิ่มมากกว่า 4 ล้านล้านบาท
ทั้งกิจการท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง ค้าปลีก ร้านอาหาร ต้องเพิ่มทุน หรือระดมทุนออกหุ้นกู้ในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ เพื่อเสริมสภาพคล่องและชำระหนี้ ทำให้หนี้สินรวมของบริษัทจดทะเบียนเหล่านี้ เพิ่มขึ้นมากกว่า 31 ล้านล้านบาท
เหลียวมองสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีในปีนี้อยู่ที่ 86-88% ลดลงจากปีที่แล้วเล็กน้อยจากจีดีพีที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่มีสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีสูงติดอันดับโลก โดยระดับตัวเลขสูงเข้าข่ายวิกฤติหนี้สินครัวเรือน ยังไม่นับรวมการเป็นหนี้นอกการกำกับดูแลของแบงก์ชาติ และหนี้นอกระบบ

...
คาดการณ์ว่า...อาจทำให้ตัวเลขหนี้ครัวเรือนทั้งระบบทะลุ 90% จะเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ของเศรษฐกิจไทย
ขณะที่หอการค้าไทยเปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ปี 62 ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมไทยเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังทำให้ไทยเกิดภาวะขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่ภาคการส่งออก ภาคการผลิต ภาคการก่อสร้าง ภาคการท่องเที่ยว
ประเด็นสำคัญมีว่าตัวเลขขาดแคลนแรงงานที่ว่านี้มีมากถึง 500,000 คน ทำให้หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ต้องทำข้อเสนอต่อการแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานต่างด้าวในภาคอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น และเสนอต่อ รมว.แรงงานและรัฐบาลไว้ดังนี้
ข้อที่หนึ่ง...เร่งรัดนำแรงงานต่างด้าวในประเทศ มาขึ้นทะเบียนแรงงานใหม่
ข้อที่สอง...กำหนดแนวทางการนำเข้าแรงงานต่างด้าว MOU สัญชาติเมียนมาชุดใหม่จากประเทศต้นทางอย่างเร่งด่วน จากเมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบเรื่องการนำเข้าแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามแล้ว เพื่อรองรับการฟื้นฟูประเทศ
ที่ผ่านมา “กลุ่มแรงงานต่างด้าว” จึงถูกจับตามองเป็นพิเศษจากกระทรวงแรงงานให้บริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในช่วงเวลานี้อย่างระมัดระวัง
รวมทั้งตรวจสอบและดำเนินคดีคนต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองและทำงานผิดกฎหมาย ควบคู่กับการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่นายจ้าง...สถานประกอบการ ถึงแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายการจ้างงาน แรงงานต่างด้าว

โดยเฉพาะการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบ ปราบปราม จับกุมและดำเนินคดีคนต่างด้าวผิดกฎหมายฯ ตามแผนการปฏิบัติงานตามโครงการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม...ดำเนินคดีคนต่างด้าวผิดกฎหมายในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19
“การที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดีผู้ที่กระทำความผิด มีความรู้ ความเข้าใจ ความเชี่ยวชาญในหน้าที่ และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส จะเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้การขับเคลื่อนนโยบายการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติอย่างเป็นระบบเกิดผลสัมฤทธิ์”
ไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน บอกอีกว่า นอกจากการปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วงแล้ว กรมการจัดหางานยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มองค์ความรู้และประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน

โดยในปีนี้ได้จัดโครงการอบรมเจ้าหน้าที่ด้านการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดีนายจ้าง...สถานประกอบการ และคนต่างด้าวผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.ก.บริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561
...
สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวไว้ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญกับการจัดระบบการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานข้ามชาติอย่างยิ่ง เพราะมีส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ในส่วนของกระทรวงแรงงานมีความมุ่งมั่นจะทำให้เกิดการใช้แรงงานถูกกฎหมายในทุกมิติ เพื่อป้องกันทั้งปัญหาขาดแคลนแรงงานและปัญหาการค้ามนุษย์ในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ โดยในปีงบประมาณ 2565 กรมการจัดหางานได้มีการตรวจสอบและดำเนินคดีนายจ้าง...สถานประกอบการ และคนต่างด้าวทั่วประเทศ
ตรวจสอบนายจ้าง...สถานประกอบการ จำนวน 39,432 ราย/แห่ง ...ดำเนินคดี จำนวน 864 ราย/แห่ง ตรวจสอบการทำงานคนต่างด้าว จำนวน 479,246 คน ดำเนินคดี จำนวน 1,827 คน
ย้ำว่า...“การบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติที่เป็นระบบ มีประสิทธิภาพ เกี่ยวพันถึงการตรวจสอบการทำงานของแรงงานข้ามชาติ ที่จะต้องปฏิบัติงานโดยยึดหลักความถูกต้องตามกฎหมาย สามารถตรวจสอบได้ โดยเริ่มต้นจากบุคลากรในสังกัดที่ต้องมีความรู้ ความเข้าใจบทบาทอำนาจหน้าที่
...

...มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน และชัดแจ้งในแนวทางการดำเนินการตามมติ ครม.ในวาระต่างๆ เพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ บรรลุตามวัตถุประสงค์ และเจตนารมณ์ของกฎหมาย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ว่า
“สร้างความรู้ พัฒนาทักษะ ปฏิบัติงานตามกฎหมายอย่างมืออาชีพ”
ไพโรจน์ บอกอีกว่า การจัดอบรมเจ้าหน้าที่ เพื่อพัฒนายกระดับองค์ความรู้และทักษะการปฏิบัติงานด้านการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดีนายจ้าง...สถานประกอบการ และคนต่างด้าวผิดกฎหมาย จะต้องสร้างแนวทางการปฏิบัติงานที่ชัดเจน ถูกต้อง เป็นธรรม
โดยมีเป้าหมายอบรม “พนักงานเจ้าหน้าที่” หรือเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดีผู้ที่กระทำความผิดในส่วนกลาง...ส่วนภูมิภาค จำนวน 100 คน

...
ทั้งในรูปแบบการบรรยายให้ความรู้ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การฝึกภาคปฏิบัติ การร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่พบขณะปฏิบัติงานจริง และการสร้างความเข้าใจตามแนวทางการขับเคลื่อนภารกิจหลังจากพ้นกำหนดการขึ้นทะเบียนแรงงาน 4 สัญชาติ...กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
เมื่อ “ลูกจ้าง”...มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสถานะมั่นคง “ธุรกิจ”...ของนายจ้างก็มั่งคั่งยั่งยืน.
