กรมประมง นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ เพื่อร่วมสังเกตการณ์การทำประมง หลังสิ้นสุดระยะเวลาของการประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนฝั่งทะเลอันดามัน ประจำปี 2565 เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565

นายแสน ศรีงาม ผู้ตรวจราชการกรม กรมประมง กล่าวว่า กรมประมงให้ความสำคัญในเรื่องของการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างมีส่วนร่วมกับชุมชน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควบคู่ไปกับการประกอบอาชีพประมงที่มั่นคง และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของพี่น้องชาวประมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน หรือที่เรียกว่า “มาตรการปิดอ่าว” ทะเลฝั่งอันดามัน ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของกรมประมง ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยมีการปรับปรุงมาตรการเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะของทรัพยากรสัตว์น้ำ สิ่งแวดล้อม และสังคมมาอย่างต่อเนื่อง เพื่ออนุรักษ์พ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำ พร้อมสืบพันธุ์วางไข่ มีไข่ รวมทั้งอนุรักษ์สัตว์น้ำวัยอ่อนให้เจริญเติบโตเป็นสัตว์น้ำรุ่นใหม่ให้ชาวประมงได้จับมาใช้ประโยชน์

สำหรับปีนี้ กรมประมงได้นำคณะสื่อมวลชนร่วมติดตามภารกิจของ เรือตรวจประมงทะเล 1002 เพื่อสังเกตการณ์จับสัตว์เศรษฐกิจของเรือประมง ในพื้นที่มาตรการปิด อ่าวอันดามัน และศูนย์บริหารจัดการเขต 9 (สตูล) กองตรวจสอบเรือประมง สินค้าสัตว์ และปัจจัยการผลิต ด่านตรวจประมงกระบี่ และเก็บข้อมูลการจับสัตว์ของเรือประมง ณ แพปลา จังหวัดกระบี่ พบว่า ปริมาณการจับสัตว์น้ำเศรษฐกิจ หลังมาตรการปิดอ่าวอันดามัน เพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับ และมีความหลากหลายของชนิดสัตว์มากขึ้น เป็นที่พอใจของชาวประมงจังหวัดกระบี่ ซึ่งกรมประมงจะได้รวบรวมข้อมูลทางวิชาการ เพื่อนำไปวิเคราะ์วิจัย มาตรการปิดอ่าวในปีต่อไป ทั้งนี้จากของผลการศึกษาทางวิชาการยืนยันว่ามาตรการปิดอ่าวฝั่งทะเลอันดามันในปี 2564 ในช่วงเวลาเดียวกัน (ระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน) ที่ผ่านมา มีความเหมาะสมทั้งในเรื่องของพื้นที่ ห้วงเวลา และเครื่องมือที่อนุญาตฯ เนื่องจากมีผลการติดตามมาตรการฯ ดังนี้ ในช่วงเวลาการบังคับใช้มาตรการฯ พบสัตว์น้ำชนิดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่มีความสมบูรณ์เพศสูง และพบสัตว์น้ำวัยอ่อนมีความชุกชุมและแพร่กระจายหนาแน่นสูงในพื้นที่ โดยเฉพาะเดือนมิถุนายนที่มีความหนาแน่นสัตว์น้ำสูงสุด (5,161 ตัว/1,000 ลบ.ม.) ประกอบกับจากสถิติผลจับสัตว์น้ำของเรือประมงพาณิชย์และพื้นบ้านทางฝั่งทะเลอันดามัน ในปี 2560 ก่อนการปรับปรุงกฎหมายปิดอ่าวฝั่งทะเลอันดามัน เมื่อปี 2561 มีปริมาณผลการจับอยู่ที่ 376,017 ตัน กระทั่งล่าสุด ในปี 2564 มีปริมาณผลการจับ 388,022 ตัน สูงกว่าปี 2560 อยู่ 12,005 ตัน โดยเฉพาะผลการจับปลาทู ซึ่งเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่สำคัญ ในปี 2564 พบว่ามีปริมาณ 12,267 ตัน สูงกว่าเมื่อปี 2560 จากผลการจับเพียง 3,602 ตันเท่านั้น อีกทั้งจากการติดตามเครื่องมือประมงพื้นบ้านที่อนุญาตให้ทำประมงในพื้นที่มาตรการฯ ได้ เช่น อวนกุ้ง และอวนปู พบว่ามีการจับสัตว์น้ำขึ้นมาใช้ประโยชน์ในขนาดที่เหมาะสม คือ มีขนาดความยาวมากกว่าความยาวแรกสืบพันธุ์ และในปี 2565 นี้ มีแนวโน้มที่ดีทั้งขนาดและปริมาณของสัตว์น้ำ จึงแสดงให้เห็นการบังคับใช้กฎหมายปิดอ่าว

นายสุวิทย์ สุภาพ นายกสมาคมชาวประมงจังหวัดกระบี่ กล่าวขอบคุณกรมประมง แทนชาวประมง จังหวัดกระบี่ ที่มีส่วนทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำของจังหวัด มีความยั่งยืน กว่าอดีตที่ผ่านมาหลายเท่าตัว ส่งผลให้ชาวประมงพื้นบ้าน ประมงพาณิชย์ และภาคประชาชน จังหวัดกระบี่ ตระหนักถึงคุณค่าการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเป็นระดับต้นๆ ของประเทศ โดยเฉพาะป่าโกงกางซึ่งเป็นที่อยู่ของสัตว์น้ำวัยอ่อน จนสามารถเจริญพันธุ์ได้ในฤดู มีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวอ่อน สนับสนุนและเรียกร้องให้กรมประมง ขยายระยะเวลาปิดอ่าวเพิ่มอีก 1 เดือน เพื่อดำรงไว้ซึ่งวงจรชีวิตสัตว์เศรษฐกิจของจังหวัด และความยั่งยืนทางด้านอาหารของประเทศต่อไป