วันนี้ (12 ก.ค. 65) ที่หอประชุมอาคาร Sea Complex เทศบาลตำบลบางปู อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานเปิดการอบรม โครงการพัฒนาและส่งเสริมองค์ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย และการสร้างจิตสำนึก รักและหวงแหน มุ่งจงรักภักดี พร้อมธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รุ่นที่ 2 โดยมีจิตอาสาพระราชทานในจังหวัดสมุทรปราการ และลูกเสือจิตอาสาพระราชทาน รวม 500 คน ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายกองโท ธารณา คชเสนี และว่าที่ร้อยตรี น้ำเพ็ชร คชเสนี สัตยารักษ์ วิทยากรประจำหลักสูตรจิตอาสา 904 เป็นวิทยากร

นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า การจัดอบรมส่งเสริมองค์ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยในวันนี้ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย และตระหนักถึงคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษไทยได้สั่งสมไว้ ให้เกิดการสร้างความภาคภูมิใจและกระตุ้นจิตสำนึกของคนในชาติ ให้มีความจงรักภักดี และธำรงรักษาไว้ซึ่ง สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตลอดจนเพื่อให้จิตอาสาพระราชทานและลูกเสือจิตอาสาพระราชทานในจังหวัดสมุทรปราการได้รับความรู้และนำความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยไปขยายผลให้เกิดความรักสามัคคี สร้างความปรองดองในสังคม เป็นองค์ประกอบสำคัญในการเสริมสร้างองค์ความรู้ มีวินัย และบุคลิกภาพ ตลอดจนทักษะช่วยเหลือประชาชน ที่จะนำไปสู่การพัฒนาประเทศชาติ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดสมุทรปราการ ในการมุ่งเน้นการส่งเสริมให้ประชาชน รวมถึงบุคลากรทุกภาคส่วนเกิดความรักชาติและมีความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษไทย

“การจัดอบรมในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ในการขับเคลื่อนกิจกรรมของจิตอาสาพระราชทาน และลูกเสือจิตอาสาพระราชทานในจังหวัดสมุทรปราการ ที่จะได้รับการพัฒนาและส่งเสริมองค์ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย เพราะประวัติศาสตร์ชาติไทยมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในการปลูกฝังให้ลูกหลาน เด็ก เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ได้รู้จักรากเหง้าของเรา มีความภาคภูมิใจ มีความรัก ความกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด อันหมายถึง 3 สถาบันหลักของชาติ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพราะประวัติศาสตร์ชาติไทยทำให้เราได้รู้รากเหง้าของประเทศ ได้ทราบ ได้รำลึก และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ที่มีต่อพสกนิกรชาวไทยมาตั้งแต่แรกเริ่มที่มีประเทศชาติของเราขึ้นมา จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานกรรมการศึกษาธิการจังหวัด กำกับดูแลโรงเรียนทุกสังกัดในพื้นที่จังหวัด ขับเคลื่อนการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยอาจแบ่งการเรียนการสอนให้กระจายองค์ความรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยในแต่ละยุคสมัยไปในแต่ละเทอม เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการสร้างความภาคภูมิใจและประวัติศาสตร์ชาติที่ถูกต้องให้กับลูกหลานอย่างต่อเนื่อง ขยายผลให้กับพี่น้องประชาชน เด็ก เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ในทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ได้รู้จักรากเหง้าของไทยเรา เพื่อท่านผู้ว่าราชการจังหวัด จะได้ร่วมกันสร้างคุณูปการอย่างยิ่งให้แก่ชาติบ้านเมือง และหลอมรวมพลังความรู้รักสามัคคีของคนไทยที่มีต่อชาติบ้านเมือง คือ “ประเทศไทย” ของพวกเราทุกคนตลอดไป” นายวันชัยฯ กล่าวเพิ่มเติม

ด้าน นายกองโท ธารณา คชเสนี กล่าวว่า ประเทศชาติอยู่รอดปลอดภัยมาได้ถึงทุกวันนี้ด้วย 3 สิ่ง คือ 1) ศาสนา 2) ความรู้รักสามัคคี และ 3) พระมหากษัตริย์ ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 784 ปีของประวัติศาสตร์ไทยยุคสมัยต่างๆ กระทั่งถึงการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์โดยสมเด็จพระบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์จวบจนถึงปัจจุบัน “พระมหากษัตริย์” ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจและความรักความสามัคคีของประชาชนในชาติ ทรงเป็นผู้นำในการต่อต้านภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติสืบมา โดยพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทยตั้งแต่ในอดีต ทุกพระองค์ทรงเสียสละพระองค์เพื่อให้ประเทศไทยได้มีความศิวิไลซ์ทัดเทียมนานาอารยประเทศ ด้วยหลัก 5 ประการ อันได้แก่ 1) ทรงเกิดมาเพื่อแผ่นดิน 2) ทรงมีทศพิธราชธรรม 3) ทรงมีพระกตัญญูภาพอย่างสูงยิ่ง 4) ทรงมีพระสติปัญญาเป็นเลิศ และ 5) ทรงรักราษฎรประดุจลูกในอุทร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงงานตลอด 70 ปี โดยทรงต่อสู้กับภัยคุกคามชาติ อันได้แก่ สงครามคอมมิวนิสต์ สงครามยาเสพติด และสงครามความยากจน ด้วยทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจโดยใช้สายพระเนตรเพียงข้างเดียวเสด็จพระราชดำเนินไปในทุกที่ทุกถิ่นที่มีพสกนิกรของพระองค์ ไม่ว่าจะต้องทรงข้ามห้วย ข้ามฝาย ข้ามแม่น้ำ พระองค์ก็เสด็จไปในทุกที่ เพื่อหวังมุ่งให้ประเทศชาติเกิดความสงบร่มเย็น ปวงพสกนิกรมีแต่ความสุข

“ด้วยพระบุญญาธิการ เป็นความโชคดีของพวกเราพสกนิกรชาวไทย ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีหลวง ทรงมีพระประสูติกาล พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม 2495 เวลา 17.45 น. ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยเมื่อทรงมีพระชนมายุครบ 20 พรรษา ทรงเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2515 ขึ้นเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณฯ สยามมกุฎราชกุมาร และเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2559 เวลา 19.16 น. ทรงตอบรับคำกราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จฯ ขึ้นครองราชย์สืบราชสันตติวงศ์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ โดยทรงตรัสใจความตอนหนึ่งว่า “ข้าพเจ้าขอตอบรับเพื่อสนองพระราชปณิธาน และเพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวไทยทั้งปวง” และในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2562 ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการในการออกมหาสมาคมว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” และทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจตามรอยพระบรมราชปณิธานสมเด็จพระบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ และพระราชปณิธาน พระปณิธานแห่งพระบรมราชบุพการี ด้วยทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักรบ นักกวี ศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ ผู้ทรงพัฒนา ริเริ่มงานจิตอาสา ผู้ทรงเป็นปราชญ์ด้านศาสนา ผู้ทรงเป็นนักการทหาร วินัย และการศึกษา ผู้ทรงเสียสละ ผู้ทรงเป็นนักประชาธิปไตย ผู้เปี่ยมล้นไปด้วยความรู้รักสามัคคี และทรงสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชกรณียกิจของพระบรมชนกนาถ ปกป้องผืนแผ่นดินตามรอยพระบุพการี ด้วยพระราชญาณทัศน์ พระอัจฉริยะภาพ พระราชหฤทัย สองพระหัตถ์ที่เข้มแข็ง ตามรอยพระบาทยาตรา ในการปกป้องแผ่นดิน และเสริมสร้างความร่มเย็นเป็นสุขให้กับพสกนิกรชาวไทยอย่างยั่งยืน” นายกองโท ธารณาฯ กล่าวเน้นย้ำ

นายกองโท ธารณา คชเสนี กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอเชิญชวนทุกคนได้ร่วมจดจำและน้อมนำคำสอนของล้นเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบรมราชปณิธาน พระบรมราโชบาย พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ไปปฏิบัติ และเผยแพร่ขยายผลไปยังพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน เพื่อได้ร่วมกันสนองพระราชดำริด้วยการปฏิบัติบูชา ทำสิ่งที่ดีดังที่ทุกพระองค์ได้ทรงปฏิบัติแบบอย่างในการทำเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ใช่ทำเพื่อตนเอง ส่งเสริมให้คนไทยทุกคนช่วยกันปกครองชาติบ้านเมือง ด้วยการเลือกสรรคนดีเข้ามาปกครองชาติบ้านเมือง ร่วมมือร่วมใจกัน ต่อต้านกีดกันคนไม่ดี ไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับชาติบ้านเมือง และร่วมกันทำความดี เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของชาติไทยอย่างยั่งยืนสืบไป.