• โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 และ BA.4 ระบาดยุโรป-แอฟริกาใต้ยกระดับระวังพบสัตว์ทดลองเชื้อลงปอด ส่วนไทยพบแล้ว คาดนักท่องเที่ยวนำเข้ามา เตือนคนไทยแม้มีการผ่อนคลายแต่ยังต้องระวัง
  • อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เผยการพบสายพันธุ์ "BA.4-BA.5" มาจากการตรวจจับและตรวจพบของกรมฯ ขอเวลาอีกระยะถึงจะชี้ชัดสถานการณ์โควิดในอนาคตได้ หากมีอะไรเปลี่ยนแปลงจะรีบออกมาเตือน
  • หมอเตือนโควิดยังไม่อ่อนแรง-ศิริราชพบผู้ป่วยเพิ่มเกือบ 2 เท่า นายกฯ สั่งกระทรวงสาธารณสุขวางแผนรับมือนักท่องเที่ยวเข้าไทย

ภายหลังประเทศไทยผ่อนคลายมาตรการต่างๆ รวมถึงลดเงื่อนไขการเข้าประเทศเพื่อเพิ่มความสะดวกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามามากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลประเมินแล้วว่า สถานการณ์โควิดฯ ภายในประเทศเริ่มคลี่คลายไปมาก ล่าสุดมีรายงานว่าประเทศทางแถบยุโรปและแอฟริกาใต้ กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังมีรายงานว่าเจ้าโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยทั้ง 2 ตัวนี้ มีการกลายพันธุ์ไปจากสายพันธุ์ดั้งเดิมอู่ฮั่นค่อนข้างมาก ซึ่งถือว่าสุ่มเสี่ยงที่จะหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน และอาจจะแพร่ระบาดไปทั่วโลกได้ในอนาคตอันใกล้นี้

...

การระบาดในยุโรป-แอฟริกา เริ่มเห็นสัญญาณ "ป่วย" เข้า รพ.เพิ่ม

ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์ถึงสายพันธุ์โควิดฯ ว่า จากฐานข้อมูลโควิดโลก หรือ GISAID มีรายงานประเทศแถบยุโรปและแอฟริกาใต้พบโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 และ BA.4 เพิ่มมากขึ้น BA.5 กลายพันธุ์ต่างไปจากสายพันธุ์ดั้งเดิมอู่ฮั่นมากที่สุดเกือบ 90 ตำแหน่ง ส่วน BA.4 กลายพันธุ์ประมาณ 80 ตำแหน่ง การกลายพันธุ์ มากขึ้นสุ่มเสี่ยงที่จะหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน แต่อาการจะรุนแรงมากหรือไม่นั้น ยังต้องติดตามข้อมูลผู้ติดเชื้อที่เข้ารักษาในโรงพยาบาล ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศโปรตุเกสที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกว่า 80% รองลงมาแอฟริกาใต้เพิ่มขึ้นประมาณ 50% ตามมาด้วย อังกฤษ ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี เบลเยียม สเปน อิตาลี เดนมาร์ก และประเทศแถบยุโรปเกือบทั้งหมด ที่เริ่มเห็นสัญญาณผู้ติดเชื้อรายใหม่เข้าโรงพยาบาลเพิ่ม

กังวลทำคนติดเชื้อ "ปอดอักเสบ" เฝ้าติดตามข้อมูล

ที่น่ากังวลคือผลทดลองในสัตว์ทดลองเบื้องต้นบ่งชี้ว่า BA.4 และ BA.5 เพิ่มจำนวนได้ดีในเซลล์ปอด อันอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อปอดอักเสบขึ้นได้ในมนุษย์ ต่างจากโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม แต่เป็นการทดลองในสัตว์ ทดลองยังต้องติดตามข้อมูล แต่ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ได้ว่าเริ่มกลับมาระบาดแล้วในยุโรปและแอฟริกาใต้ แต่จะรุนแรงหรือไม่ยังต้องประเมินหน้างานจากผู้ป่วยที่เข้ารักษาในโรงพยาบาล ขณะนี้บางประเทศในยุโรปยกระดับการเตือนภัยแล้ว โดยเฉพาะที่โปรตุเกสได้ยกระดับให้เป็นสายพันธุ์ที่ต้องระมัดระวัง แต่องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังไม่ได้ยกระดับให้ BA.4 และ BA.5 เป็นสายพันธุ์น่ากังวลใจ

ไทยพบผู้ติดเชื้อ BA.4-BA.5 แล้ว ย้ำอย่าประมาท

สำหรับไทย จากฐานข้อมูล GISAID ที่สถาบันการแพทย์ต่างๆ ร่วมถอดรหัสพันธุกรรมและบันทึกข้อมูลเข้าไป พบมีผู้ติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 รวม 26 คน BA.4 รวม 23 คน และ BA.2.12.1 รวม 18 คน พบตั้งแต่เดือน เม.ย.2565 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งจำนวนดังกล่าวเป็นการสุ่มตรวจ แต่ข้อเท็จจริงมีมากกว่านี้แน่นอน จากรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลยังไม่เพิ่มมาก ส่วนในรายที่พบติดเชื้อนั้น คาดว่าส่วนใหญ่น่าจะเป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาในไทย เนื่องจากการถอดรหัสในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลยังไม่พบสายพันธุ์นี้ ข้อมูลรายที่พบและรายงานใน GISAID น่าจะเป็นการสุ่มตรวจโดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)

ย้ำประชาชนป้องกันดูแลตัวเอง-รับวัคซีนตามเกณฑ์

ส่วนประเทศไทยมีความเสี่ยงจะเกิดการระบาดระลอกใหม่หรือไม่นั้น ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ กล่าวว่า ตอบลำบาก เพียงบอกได้จากข้อมูลที่ WHO เคยบอกไว้ว่าโอมิครอน ไม่ใช่สายพันธุ์สุดท้ายที่จะระบาด ทำนายไม่ได้แน่ชัดว่าตัวใหม่จะมีอาการรุนแรงหรือลดน้อยถอยลง เนื่องจากเป็นโรคอุบัติใหม่ที่ไม่สามารถฟันธงได้ สำหรับไทยที่เริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ประชาชนต้องพิจารณาตนเองว่า จะต้องป้องกันและดูแลตนเองอย่างไร ที่สำคัญควรได้รับวัคซีนตามเกณฑ์

...

ขอเวลาอีกระยะ ติดตามสถานการณ์

ด้าน นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยถึงกรณีมีข่าวตรวจพบโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ในไทยว่า กรมได้สุ่มตัวอย่างเชื้อจากผู้ป่วยเพื่อถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัวอย่างต่อเนื่อง พบสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ตั้งแต่เดือน เม.ย.2565 แต่ไม่อยากให้วินิจฉัยสถานการณ์เร็วเกินไป จะทำให้ผู้คนหวาดกลัว ขอเวลาตรวจสอบอีกระยะหนึ่งว่าแนวโน้มสถานการณ์เป็นอย่างไร เป็นเรื่องธรรมดาที่เชื้อมีการกลายพันธุ์จะหลบภูมิได้ง่ายขึ้น การสุ่มตัวอย่างของกรมยังมีจำนวนเพียงพอที่จะสะท้อนภาพรวมการระบาดของประเทศ ทั้งจากผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและผู้ป่วยอาการหนัก แต่การจะดูว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่นั้น ต้องติดตามการระบาดต่อเนื่อง 4-5 สัปดาห์ ภาพรวมจนถึงขณะนี้สายพันธุ์ที่พบไม่ได้ส่งผลกระทบ ต่อแนวทางการควบคุมโรคของประเทศ เรายังใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังเช่นนี้ได้ตามเดิม หากมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงอย่างไร จะออกมาเตือนให้ทราบ

หมอเตือนโควิดฯ ยังไม่จบ ย้ำอย่าการ์ดตก

...

ขณะที่ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ขอเตือนกันอีกครั้งว่าโควิดยังไม่อ่อนแรงอย่างที่หลายคนคิด ยังคงต้องระมัดระวังตัวกันไว้ โดยเฉพาะเมื่อจะผ่อนคลายประเทศกันมากขึ้น สถิติผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยโควิดที่บ้านริมน้ำ (รพ.ศิริราช) สูงขึ้นต่อเนื่องมากว่าสัปดาห์ พร้อมกับเริ่มมีผู้ป่วยที่จำเป็นต้องเข้า โรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้นเกือบ 2 เท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา พบตัวเลขเช่นเดียวกันเกิดขึ้นกับโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่อื่นๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และบางจังหวัด แสดงให้เห็นว่าเมื่อคนออกมามีกิจกรรมทางสังคมนอกบ้านมากขึ้น การติดเชื้อจะเพิ่มตามมาด้วย สอดคล้องกับจำนวนผู้ป่วยโควิดอาการรุนแรงทั้งประเทศ ที่กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ติดต่อกัน ขอให้พวกเราช่วยกันใส่ใจมาตรการป้องกันโรคไปอีกระยะหนึ่ง

"BA.4-BA.5" ไม่ต่าง "เดลตา" รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

ขณะที่ เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics โดยศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อมูลว่า โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 จุดประกายความกังวลไปทั่วโลก BA.4 และ BA.5 มีการกลายพันธุ์บริเวณหนาม เพื่อให้เข้าจับกับเซลล์ปอดของมนุษย์ได้ดีขึ้น เหมือนกับสายพันธุ์เดลตาที่ระบาดและมีอาการติดเชื้อที่รุนแรงในอดีต ต่างจากโอมิครอนสายพันธุ์เดิม BA.1 และ BA.2 ไม่พบการกลายพันธุ์ในบริเวณดังกล่าว ส่วนหนามของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 BA.5 และ BA.2.12.1 ที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นตัวเชื่อม เพื่อให้ผนังของหลายเซลล์หลอมรวมเป็นเซลล์เดียว เพื่อดึงดูดให้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ติดเชื้อเข้ามาทำลายจนเกิดการอักเสบ (ของปอด) ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้

...

นายกฯ สั่ง สธ.วางแผนรับมือ นทท.เข้าไทย

สำหรับมาตรการการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยขณะนี้นั้น นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เฝ้าสังเกตสถานการณ์โควิดในยุโรป โดยขอให้วางแผนรับมือล่วงหน้าในการรองรับนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางเข้ามาหลังจากมีการพบโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 เพิ่มขึ้นในยุโรปอย่างมีนัยสำคัญ โดยสถานการณ์โควิดไทยตอนนี้อยู่ในระดับทรงตัวและมีแนวโน้มดีขึ้น โดยรัฐบาลเชื่อมั่นว่าถ้าทุกคนร่วมมือร่วมใจปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข ก็จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศ ที่จะเดินทางมาเข้ามาท่องเที่ยว

ผู้เขียน : หงเหมิน

กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun