คุณปู่อดีตนายทหารยศพันเอก พร้อมภรรยาและญาติพิการวอนช่วยเหลือด่วน อ้างถูกลูกหลานทอดทิ้งหลังยกมรดกให้ลูก ซ้ำกำลังจะหมดสัญญาเช่าบ้านไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน
เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางพิไลวรรณ ตรีสุผล อายุ 69 ปี บ้านอยู่ในพื้นที่หมู่ 12 ต.เหมืองจี้ อ.เมืองลำพูน อดีตข้าราชการมหาวิทยาลัยดังแห่งหนึ่งกรุงเทพมหานคร ได้ร้องขอความช่วยเหลือเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมา เนื่องจากที่บ้านมีผู้สูงอายุ รวม 3 คน คือ ตนเอง สามี คือ พ.อ.พิเศษ ทันพงศ์ ธีระบุตร อายุ 98 ปี นอนป่วยติดเตียงเดินไม่ได้ต้องต่อท่อปัสสาวะ และป่วยมีโรคหลายโรคต้องพบแพทย์ตลอดเวลา และ นางสุภวรรณ ครองเดช อายุ 88 ปี ซึ่งเป็นญาติ กำลังตกที่นั่งลำบาก จะโดนเจ้าของบ้านบอกเลิกสัญญาเช่าบ้านหากครบ 3 ปี ตามสัญญา ไม่รู้จะไปอยู่ไหน ส่วนเงินก็โดนคนรู้จักยืมไปและยังไม่คืน
จากการสอบถาม นางพิไลวรรณ เล่าว่า หลังจากลาออกจากราชการก็ชวนสามีที่เพิ่งเกษียณอายุราชการในตำแหน่งพันเอกพิเศษมาหาซื้อที่ดินที่ ต.เหมืองจี้ จ.ลำพูน โดยทำสวนลำไย แต่ระยะหลังราคาลำไยไม่ดีประกอบกับเป็นหนี้สิน จึงประกาศขายบ้านใช้หนี้ จนเงินเหลือล้านกว่าบาท จากนั้นได้เช่าบ้านราคาถูกจากเพื่อนบ้านคนหนึ่ง
ในตอนแรกไม่ได้ทำสัญญาก็ขอเขาอยู่ไปเรื่อยๆ คาดว่าจะอยู่จนชีวิตจะหาไม่ แต่ต่อมาเริ่มมีเรื่องกันกับเพื่อนบ้านคนดังกล่าว จึงขอคุยกันว่า ขอเช่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นเวลา 3 ปี เดือนละ 2,000 บาท และได้ต่อเติมบ้านปรับปรุงใหม่เนื่องจากบ้านสภาพเก่าหมดเงินไปแสนกว่าบาท
นางพิไลวรรณ อ้างอีกว่า ปัจจุบันปัญหาเริ่มมีมาหลายเรื่อง เช่น เดิมทีบ้านหลังดังกล่าวไฟฟ้า 5 แอมป์ ขอเปลี่ยนเป็น 15 แอมป์ ให้เพื่อนบ้านไปติดต่อ แต่แล้วก็เงียบ ไม่มีใครมาเปลี่ยนหม้อแปลงให้ ทั้งที่จ่ายเงินไปแล้วหมื่นกว่าบาท ตอนนี้ลำบากมาก ทางญาติและลูกๆ สามีก็ไม่มีใครมาเหลียวแล ทั้งที่บั้นปลายชีวิตอายุมากแล้วไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานสักเท่าไร
...
สามีเคยมีภรรยามาก่อนและมีลูกด้วยกัน 7 คน และยกมรดกให้ลูกคนเล็ก แต่ไม่เคยมาดูแล ตอนนี้เลยฟ้องศาลจะขอมรดกคืน หากใครประสงค์ที่จะทำบุญช่วยเหลือ ขอรับแพมเพิส น้ำเกลือ ของใช้จำเป็นอื่นๆ เพราะเงินที่มีอยู่ก็เริ่มหมดแล้ว โชคดีที่มีทางด้านศูนย์บริการคนพิการลำพูนสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำพูนเข้ามาช่วยเหลือ พร้อมกับทางนักพัฒนาชุมชนเทศบาลตำบลทากาศ จ.ลำพูน มาดูแลด้วย
ด้าน พ.อ.พิเศษ ทันพงศ์ พูดด้วยความน้อยใจว่า ตนเองหูไม่ค่อยดีป่วยหลายโรค เคยมีมรดก ยกให้ลูกไปแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครมาเหลียวแล หากใครอยากจะมาก็มาไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา
ขณะที่ นางกัญญาณัฎฐ อายุ 66 ปี เพื่อนบ้านที่ให้เช่าบ้าน อ้างว่า รู้จักกับครอบครัวคุณปู่และป้าพิไลวรรณ ในตอนที่มาขอซื้อไม้ดอกไม้ประดับที่ร้าน จนกระทั่ง ป้าพิไลวรรณ ขอให้มาช่วยพาไปหาหมอ เนื่องจากหกล้ม เดินไม่ได้ ก็พาไปหาหมอ ทั้ง 3 คน โดยเฉพาะคุณปู่อายุเกือบ 100 ปี แล้ว น่าสงสาร และทราบว่าขายบ้านไม่มีที่อยู่ก็อาศัยพาตระเวนหาบ้านเช่า ก็ไม่มีให้เช่าเพราะอายุมากแล้ว

สุดท้ายจึงเสนอให้มาอยู่บ้านลูกสาว ซึ่งไม่มีใครอยู่ แม้จะถามซื้อก็ไม่ขาย เลยให้คุยกับลูกสาว จนมีการตกลงให้เช่าเดือนละ 2,000 บาท ตนเองช่วยเหลือมาตลอด ไม่รู้เพราะอะไรจึงช่วยมากมาย แต่สุดท้ายตนก็มาถูกแจ้งข้อหาว่าบุกรุก ทั้งๆ ที่บ้านลูกสาวตนจะเข้าไปรดน้ำต้นไม้ ก็หาว่าไประราน และล่าสุดมีปัญหาเรื่องหม้อไฟฟ้าเปลี่ยนหม้อ จาก 5 แอมป์ เป็น 15 แอมป์ ตนกำลังดำเนินเรื่องให้ก็มาว่าอีกว่าเอาเงินไปแล้วหาย ทั้งที่กำลังตามเรื่องให้
ส่วนกรณีที่กล่าวหาว่ายืมเงินไปจำนวน 68,000 บาท นั้นไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่ายืมเงินไปจริงแค่ 30,000 บาท ตอนนี้จะไม่คืน หากย้ายออกจากบ้านไปไม่ว่าครบสัญญาเช่าหรือย้ายออกพรุ่งนี้มะรืนนี้จะคืนให้ทันที ตนเสียใจที่ช่วยเหลือทุกอย่างแต่กลับได้รับผลตอบแทนแบบนี้ ที่ช่วยเหลือเพราะเห็นว่าเป็นคนแก่ แต่มากล่าวหากันเสียหายแบบนี้ ต่อไปจะไม่สงสารแล้ว