ญาติของเด็กหญิงวัย 14 ปี เสียชีวิต เผยน้องเสียใจมากที่ไม่ได้กลับไปเรียนที่พัทลุง วอนสังคมมองอีกมุม หยุดประณามแม่เด็ก
จากกรณีที่มีการเปิดเผยเรื่องราวการเสียชีวิตของเด็ก อายุ 14 ปี ที่ได้ตัดสินใจจบชีวิต เนื่องจากหลายปัญหา ทั้งปัญหาชีวิต ปัญหาการเรียน โดยมีการอ้างถึงครูโรงเรียนสตรีชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.พัทลุง ที่ได้ไล่ไม่ให้เรียนต่อ ขณะที่โรงเรียนได้ออกมาชี้แจงว่า ไม่ได้กดดันเด็ก และพร้อมให้ความช่วยเหลือทุกด้าน
ล่าสุด วันที่ 16 พฤษภาคม 2565 จากการสอบถาม ญาติของเด็กหญิง อายุ 14 ปี เปิดเผยว่า ปกติน้องเป็นเด็กที่เงียบ ไม่ร่าเริง ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียวตลอด ส่วนพี่สาวที่อยู่ด้วยก็พยายามเข้าหา แต่น้องจะหลีกเลี่ยงไม่อยากเจอใคร แม้กระทั่งล่าสุดพี่สาวชวนไปห้างน้องยังไม่ไป น้องจะอยู่คนเดียวอยู่กับเพื่อน ก่อนเสียชีวิตน้องเรียนอยู่ที่พัทลุง
ตอนน้องเด็กๆ พ่อกับแม่แยกทางกัน แม่น้องไม่มีเวลาเอาใจใส่ ก็จะทิ้งให้อยู่กับป้าตลอดทำให้น้องรักป้ามาก จนกระทั่งป้าเสียชีวิต น้องก็เหมือนคิดว่าไม่เหลือใคร กลายเป็นคนเงียบๆ หลังจากลูกพี่ลูกน้องสงสารเลยพาน้องไปอยู่ด้วยที่พัทลุง
ญาติ เล่าต่อว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนเองอยู่ที่ปาดังเบซาร์ เข้าใจว่าน้องอยู่กับพี่สาวที่พัทลุง แต่ไม่ทราบว่าน้องกลับมาอยู่กับแม่เขาแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้น้องได้ทะเลาะกับพี่สาว เนื่องจากพี่สาวดุที่น้องจะออกไปหาเพื่อนตอนเที่ยงคืน พี่สาวเลยขู่ว่าถ้าดื้อแบบนี้จะให้กลับไปอยู่กับแม่ แล้วพี่สาวก็เอาน้องมาส่งกับแม่น้อง
แม่น้องจึงบอกว่าให้เรียนที่โรงเรียนใกล้บ้าน แต่น้องไม่อยากเรียน อยากกลับไปหาเพื่อนที่พัทลุง แม่น้องเลยบอกว่า ถ้าเรียนที่บ้านก็พอจะส่งเสียได้ แต่ถ้าไปอยู่พัทลุง ค่าใช้จ่ายเยอะ จะไปอยู่หอก็อันตราย แต่น้องไม่ยอม แม่จึงหาเงินเพื่อให้น้องได้กลับไปเรียนที่พัทลุง
...
พอได้เงินมาแม่น้องได้คุยกับครูฝ่ายปกครองโรงเรียนที่พัทลุง โดยครูบอกกับว่า เด็กผู้หญิง อายุ 14-15 ปี จะมาเรียนที่นี่คนเดียวมันอันตราย อยากให้น้องเรียนที่นั่น อยู่กับแม่มากกว่า พอน้องรู้ก็ผิดหวังอย่างมากเพราะน้องเก็บเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว แม่บอกกับน้องว่าตอนนี้หาเงินได้แล้ว ให้น้องกลับไปเรียนที่พัทลุง พอไม่ได้ไปน้องก็ผิดหวัง
ฝ่ายญาติขอแก้ข่าว เรื่องที่ว่าแม่น้องไม่ได้สนใจนั้นไม่เป็นความจริง เพราะก่อนหน้านี้ที่น้องอยู่กับพี่สาวที่พัทลุง ถ้าน้องต้องการอะไร บอกแม่แม่ก็จะหามาให้ แต่น้องอาจจะต้องการความรักมากกว่า
ส่วนเรื่องที่แม่น้องเล่นการพนันนั้นยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ครอบครัวแตกแยก ซึ่งน้องจะไม่ชอบให้แม่เล่นการพนัน
พี่สาวน้องยังเล่าอีกว่า ส่วนตัวแล้วตัวเองคิดว่ามี 2 สาเหตุที่ทำให้น้องคิดฆ่าตัวตาย 1 น้องผิดหวังที่อยากจะกลับไปเรียนที่โรงเรียนเดิมเพราะน้องติดเพื่อนมาก เนื่องจากครูที่มาพูดอาจทำให้น้องเข้าใจผิดหรือไม่ ส่วนตัวแล้วก็ไปเข้าใจว่าครูมาพูดแบบไหน
ส่วนเรื่องที่มีข่าวออกมาว่า พี่คนที่ดูแลน้องทำร้ายร่างกายนั้น ตนก็อยากถามว่าถ้าน้องหนีเที่ยวกลางคืน ผู้ปกครองจะไม่สามารถทำโทษเด็กได้เลยเหรอ เพราะน้องจะหนีเที่ยวกลางคืนหลายครั้งมากโดย 3 วันก่อนเกิดเหตุ เห็นน้องโพสต์ว่าอยากจะตายก็ตายไม่ได้ ตัวเราเองก็เลยทักน้องไป เราคิดว่าน้องโพสต์แปลกๆ น่าจะไม่มีเงินจ่ายเราจะโอนเงินให้น้อง แต่น้องไม่ตอบ แต่เราไม่คิดว่าน้องจะทำจริงๆ และไม่รู้ว่าน้องได้กลับไปอยู่กับแม่น้องแล้ว
ข่าวที่ออกไปนั้นมั่วไปหมด อยากให้สังคมมองในอีกแง่มุมหนึ่งว่า ที่เขาตี เขาดุนั้นเพราะว่าอะไร เวลาดื้อจะไม่ให้ตี ไม่ให้ดุเลยก็ไม่ใช่ อยากให้สังคมเห็นใจครอบครัวด้วย ส่วนเรื่องที่แม่ติดการพนันยังไง คนเป็นแม่ ลูกเขาเสีย เขาก็เสียใจมากแล้ว
อยากให้สังคมหยุดประณามแม่น้อง และหยุดประณามทุกคน ทุกคนในครอบครัวเสียใจที่น้องจากไป ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ ทางโรงเรียนได้นำเงินมาช่วยงานศพน้อง ส่วนครูบอกว่าไม่อยากให้เป็นแบบนี้ พยายามช่วยเหลือเด็กถึงที่สุดแล้ว
ส่วนคลิปเสียงที่เคยได้ฟังนั้นพอได้ฟังแล้วทางเราก็ไม่โอเค เพราะค่อนข้างพูดแรงเกินไป แต่เราก็ไม่อยากจะไปเอาเรื่องอะไรครู เพราะน้องก็เสียไปแล้ว เราอย่างอยู่แบบสงบๆ