เกียรติยศของคนวงการหนังสือพิมพ์ ยกย่อง "ประกิต หลิมสกุล" เจ้าของนามปากกา "กิเลน ประลองเชิง" หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เป็นนักเขียนรางวัลศรีบูรพา คนที่ 31
วันที่ 5 พ.ค. 2565 สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ร่วมกับกองทุนศรีบูรพา จัดงานวันนักเขียนประจำปี 2565 พร้อมมอบรางวัล "นราธิปพงศ์ประพันธ์" ปี 2563-2564 รางวัลวรรณกรรมแม่น้ำโขง ปี 63-64 และรางวัลศรีบูรพา ปี 2565 ให้กับนักคิดนักเขียนที่มีผลงานอันทรงคุณค่า โดยปีนี้กองทุนศรีบูรพาได้ประกาศยกย่อง นายประกิต หลิมสกุล เจ้าของนามปากกา "กิเลน ประลองเชิง" คอลัมนิสต์จากคอลัมน์ "ชักธงรบ" ในหน้า 3 ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เป็นนักเขียนรางวัลศรีบูรพา คนที่ 31 ประจำปี 2565
สำหรับประวัตินาย "ประกิต หลิมสกุล" นักเขียนรางวัลศรีบูรพาคนล่าสุด เกิดเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2488 ที่ริมคลองบางเรือหัก ต.ท้ายหาด ม.7 อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ปัจจุบันอายุ 76 ปี การศึกษาทางธรรมได้ร่ำเรียนจนจบนักธรรมเอก ส่วนการศึกษาทางโลกจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ตั้งแต่วัยเยาว์จนกระทั่งเติบใหญ่ ผ่านการใช้ชีวิตมาอย่างโชกโชน โดยหลังเรียนจบ ป.4 จากโรงเรียนนิพัทธ์หริณสูตร์ (วัดประทุมคณาวาส) แล้ว ได้มาเรียนต่อชั้น ม.1 ที่โรงเรียนศรัทธาสมุทร และลาออกตอนอยู่ ม.2 ไปบวชเณรที่วัดเขาย้อย เพชรบุรี ก่อนมาอยู่วัดดาวดึงษ์ บางยี่ขัน ธนบุรี เรียนบาลีตอนบ่าย เรียนนักธรรมตรีตอนหัวค่ำที่วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ จากนั้นย้ายไปอยู่ที่วัดบ้านแหลม สมุทรสงคราม เรียนบาลีต่อ แต่ไม่จบ
ปี 2505 ได้ไปบวชเรียนต่อจนจบนักธรรมเอก แล้วสึกจากสมณเพศออกไปหาประสบการณ์ชีวิต ด้วยการเป็นลูกเรืออวนลากทั้งในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ในช่วงนี้ "ประกิต หลิมสกุล" ได้สำแดงความสามารถในการแต่งกลอนประกวดส่งนิตยสารศรีสยาม
...
ต่อมาชีวิตมีอันต้องพเนจรลงใต้ไปอยู่กับพี่ชายที่ จ.ยะลา จุดนี้เองที่ทำให้ประกิต ที่ขณะนั้นมีอายุ 25 ปี ได้เริ่มต้นเข้าสู่วงการน้ำหมึก เนื่องมาจากความที่ชอบอ่านหนังสือและเขียนหนังสือเป็น ประกอบกับเป็นคนขอบเขียนกลอน ปี 2513 จึงถูกชักชวนไปทำข่าวเป็นนักข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดยะลา ให้หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ข่าวที่ประกิตส่งมาได้ขึ้นหน้า 1 ทุกวัน จนปี 2522 ประกิต เบนเข็มชีวิตตัวเองด้วยการย้ายมาอยู่ในชายคา "สีเขียว" นสพ.ไทยรัฐ รุ่นเดียวกับโรจน์ งามแม้น (เปลว สีเงิน) และชัย ราชวัตร ปี 2531 ได้เขียนคอลัมน์ "กลืนไม่เข้าคายไม่ออก" ด้วยสำนวนจากปลายปากกาที่เขียนได้มีสีสันน่าสนใจเป็นที่ชื่นชอบของผู้อ่าน ต่อมาได้รับหน้าที่เขียนข่าวสังคมหน้า 4 ของไทยรัฐ ภายใต้นามปากกา "เหยี่ยวพญา"
หลังเหตุการณ์หัวหน้าข่าวภูมิภาคไทยรัฐถูกยิงเสียชีวิต ได้ลาออกไปอยู่ นสพ.หลายฉบับ กระทั่งชีวิตหวนกลับมาอยู่ไทยรัฐอีกครั้งในตำแหน่งหัวหน้า "สกู๊ปข่าวหน้า 1" ในปี 2541 "โกวิท สีตลายัน" เจ้าของนามปากกา "มังกร ห้าเล็บ" ถึงแก่กรรม จึงได้รับมอบหมายให้รับหน้าที่เขียนคอลัมน์แทน ใช้ชื่อคอลัมน์ว่า "ชักธงรบ" โดยเขียนคอลัมน์นี้มาจนถึงปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้เคยได้รับรางวัลจากผลงานนักข่าวและนักเขียนมาแล้วทั้ง รางวัลข่าวภาพยอดเยี่ยมจากสมาคมนักข่าวฯ และรางวัล ม.ร.ว.อายุมงคล โสณกุล ปัจจุบัน "ประกิต หลิมสกุล" หรือ "กิเลน ประลองเชิง" นอกจากจะเป็นคอลัมนิสต์ประจำหนังสือพิมพ์ไทยรัฐแล้ว ยังดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายสราวุธ วัชรพล บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
นางชมัยภร บางคมบาง ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ประธานกองทุนศรีบูรพา กล่าวว่า กิเลน ประลองเชิง เป็นนักหนังสือพิมพ์มายาวนานเกือบ 50 ปี มีประสบการณ์ทั้งจากการใช้ชีวิต ตลอดจนการอ่านหนังสือมากมายหลากหลาย สามารถเข้าใจและเขียนได้อย่างสมจริงจับใจ ทั้งการเขียนข่าวและคอลัมน์ นอกจากนี้ยังเป็นสุภาพบุรุษนักหนังสือพิมพ์แบบ "กุหลาบ สายประดิษฐ์" รวมทั้งยังมีความสามารถในการใช้ภาษาเป็นอย่างดี
ด้าน นายสกุล บุณยทัต กรรมการกองทุนศรีบูรพา และนายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย หนึ่งในผู้ตัดสินรางวัล กล่าวว่า กิเลน ประลองเชิง เป็นคนอ่านหนังสือมากและยกข้อความในหนังสือมาเทียบกับเหตุการณ์ ไม่เคยถูกแบ่งว่าเป็นสีอะไร ถ้านักอ่านได้อ่านคอลัมน์ของกิเลน ประลองเชิง จะพบว่า หนังสือที่ยกมาเป็นหนังสือคลาสสิก ไม่ได้อ้างแบบครูพักลักจำ แต่ลึกลงไปตีความจนแตก ซึ่งการเขียนอุปมาแบบนี้ทำได้ยากมาก
สำหรับรางวัลนักเขียนศรีบูรพา เป็นรางวัลที่มอบสำหรับศิลปิน นักคิดนักเขียน และนักหนังสือพิมพ์ ผู้มีผลงานอันทรงคุณค่ามีชีวิตที่เป็นแบบอย่าง เป็นกิจกรรมหนึ่งของ "กองทุนศรีบูรพา" ที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อรำลึกและเผยแพร่เกียรติประวัติของ กุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือ ศรีบูรพา นักประชาธิปไตย นักเขียน นักหนังสือพิมพ์คนสำคัญของไทยและของโลก มีงานเขียนหลากหลาย ที่องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก
รางวัล "ศรีบูรพา" เป็นรางวัลประจำปีที่คณะกรรมการของกองทุนศรีบูรพา พิจารณา หารือ ลงมติด้วยเสียงข้างมาก เพื่อมอบให้กับบุคคลที่เข้าข่ายตามเงื่อนไข ดังนี้ 1.เป็นนักเขียน นักแปล กวี หรือนักหนังสือพิมพ์ที่มีแบบฉบับการใช้ชีวิตที่ดีงามและมีแบบฉบับของการสร้างสรรค์งานที่มีคุณค่าต่อสังคมและมนุษยชาติมาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชนเช่นเดียวกับ "ศรีบูรพา" 2.มีผลงานติดต่อกันเป็นเวลายาวนานกว่า2 ทศวรรษและต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน 3.ยังมีชีวิตอยู่
ด้าน นายประกิต กล่าวภายหลังเข้ารับรางวัล โดยได้ฝากถึงนักเขียนรุ่นใหม่ที่กำลังก้าวเข้าสู่วงการนักเขียน โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ว่า คนเก่งคนดีนั้น ไม่ว่าสนามจะเปลี่ยนเป็นอะไร ของดีก็ยังต้องดี แต่อยากให้นักเขียนรุ่นใหม่ หันมาอ่านงานเขียนรุ่นเก่าที่ทรงคุณค่ากันให้มากๆ งานเขียนคุณภาพเหล่านี้ไม่มีกาลเวลายิ่งเก่ายิ่งดี ถ้าใช้เป็นหลักสักครึ่งหนึ่ง รับรองจะไม่ผิดหวัง ที่จะก้าวหน้าสู่การเป็นนักเขียนที่ดีในอนาคต.
...