กระทรวงวัฒนธรรม ประกาศผลการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ ปี 64 รวม 12 คน "นพพล-ครูสลา-นันทพร-มีชัย" ได้รับยกย่องด้วย
วันที่ 27 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) ผ่านระบบออนไลน์ โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งมีวาระการพิจารณาคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2564 ด้วย
ทั้งนี้ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม แถลงข่าวภายหลังการประชุม ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ว่า ที่ประชุม กวช. มีมติเห็นชอบผลการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2564 รวม 3 สาขา จำนวนทั้งสิ้น 12 คน ดังนี้
สาขาทัศนศิลป์ จำนวน 4 คน ได้แก่
1.นางวรรณี ชัชวาลทิพากร
2 ศ.ถาวร โกอุดมวิทย์
3.ศ.เกียรติคุณอรศิริ ปาณินท์
4.นายมีชัย แต้สุจริยา
สาขาวรรณศิลป์ จำนวน 2 คน ได้แก่
1.นางนันทพร ศานติเกษม (นามปากกา ปิยะพร ศักดิ์เกษม)
2.นายวิชชา ลุนาชัย (นามปากกา ประชาคม ลุนาชัย)
สาขาศิลปะการแสดง จำนวน 6 คน ได้แก่
1. ผศ.ธรรมนิตย์ นิคมรัตน์ (โนรา)
2. นายกำปั่น นิธิวรไพบูลย์ (เพลงโคราช)
3. นายไพฑูรย์ เข้มแข็ง (นาฏศิลป์ไทย-โขน ละคร)
4. ศ.ณรงฤทธิ์ ธรรมบุตร (ดนตรีสากล-ประพันธ์เพลงคลาสสิก)
5. นายสลา คุณวุฒิ (ดนตรีไทยสากล-ประพันธ์เพลงไทยลูกทุ่ง)
6.นายนพพล โกมารชุน (ภาพยนตร์และละคร)
รมว.วัฒนธรรม กล่าวอีกว่า ศิลปินแห่งชาติจะได้รับสวัสดิการต่างๆ ค่าตอบแทนรายเดือน 25,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่มีชีวิตอยู่ ค่ารักษาพยาบาลวงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อปีงบประมาณ ได้รับเงินช่วยเหลือในเหตุประสบภัยสาธารณภัยวงเงินไม่เกิน 50,000 บาทต่อครั้ง และค่าอื่นๆ และกรณีเสียชีวิตจะได้เงินช่วยเหลือบำเพ็ญกุศลศพ 20,000 บาท ค่าทำหนังสือเผยแพร่ผลงาน รายละไม่เกิน 150,000 บาท
ซึ่งหลังจากนี้ ทางกระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จะนำความกราบบังคมทูล เพื่อขอเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อขอรับพระราชทานเข็มเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติ ในวันเวลาตามที่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ทั้งนี้ นับตั้งแต่เริ่มโครงการศิลปินแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ.2527 มีศิลปินแห่งชาติ ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 343 คน ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว 169 คน โดยยังมีชีวิตอยู่ 174 คน
...
ขณะที่ นางวรรณี ชัชวาลทิพากร ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ถ่ายภาพ) กล่าวว่า ถือเป็นรางวัลแห่งภาคภูมิใจในชีวิตของตนที่พยายามทำงานเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมมาตลอด 40 ปี ซึ่งที่ภาคภูมิใจที่สุด คือ ได้ทำงานถวายในหลวง รัชกาลที่ 9 ด้วยการถ่ายภาพ ประกอบการจัดทำหนังสือ พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ ของพระองค์ ดังนั้น รางวัลนี้ขอเทิดทูนถวายแด่ในหลวง รัชกาลที่ 9 และขอตอบแทนด้วยการเดินหน้าทำประโยชน์เผยแพร่ความรู้ความสามารถ ในการถ่ายภาพ สู่เด็ก เยาวชน และประชาชน เพื่อสังคมต่อไป
ด้าน ศ.ถาวร โกอุดมวิทย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ภาพพิมพ์) กล่าวว่า ฐานะศิลปินคนหนึ่งที่ได้สร้างสรรค์ผลงานมาตลอด 40 ปีรางวัลนี้มีคุณค่า และเป็นกำลังใจในการที่จะทำงานและเผยแพร่ความรู้สู่ผู้อื่นต่อไป ตลอดเวลาที่ได้อยู่ในวงการศิลปะตนพยายามที่จะถ่ายทอดการเรียนการสอนสู่นักเรียน นักศึกษาและนำผลงานภาพพิมพ์ไปเผยแพร่ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้ได้รับรู้ว่าศิลปินไทยมีศักยภาพด้านศิลปะ และขณะนี้กำลังสอนนักศึกษาปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยศิลปากรซึ่งจะเน้นในเรื่องวิชาการการลำดับศิลปะเพื่อเข้าสู่เวทีโลกพยายามสอนให้เรียนรู้ในศิลปะที่มีคุณค่า บริบทศิลปะของโลกและการใช้นวัตกรรมใหม่ในการสร้างสรรค์ผลงาน เพื่อให้งานศิลปะของประเทศไทยสามารถเผยแพร่ในระดับโลกได้อย่างงดงาม
นางนันทพร ศานติเกษม ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจ ที่คณะกรรมการเห็นคุณค่าของผลงาน ส่วนตัวทำงานมาตั้งแต่ปี 2522 ลงตีพิมพ์เรื่องแรกในนิตยสารสกุลไทย ทั้งเรื่องสั้น บทความ สารคดี ฯลฯ แต่ที่สำคัญที่สุดคือผู้อ่านที่ยังสนับสนุนผลงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกผลงานที่ได้สร้างสรรค์ตั้งใจถ่ายทอดให้ผู้อ่านได้ประโยชน์ แง่คิดในการดำรงชีวิต และได้รับความบันเทิงใจ ซึ่งการได้เป็นศิลปินแห่งชาติ ถือเป็นกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงานต่อไปเรื่อยๆ รวมถึงการให้ความร่วมมือกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ถ่ายองค์ความรู้ศิลปะ การเขียนสู่คนรุ่นใหม่ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าแม้การเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยแต่การอ่านนวนิยายของคนไทยยังคงได้รับความสนใจต่อเนื่อง เพียงแค่เปลี่ยนแพลตฟอร์มไปสู่ระบบออนไลน์ โดยเฉพาะการอ่านนวนิยายที่มียอดการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ขณะที่ นายนพพล โกมารชุน ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ภาพยนตร์และละคร) กล่าวว่า เมื่อได้ทราบข่าวว่าได้รับคัดเลือกเป็นศิลปินแห่งชาติ ทำให้รู้สึกคิดถึงแม่ (ป้าจุ๊-นางจุรี โอศิริ ) มากๆ เพราะแม่ ได้รับยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติเช่นเดียวกัน นอกจากคิดถึงแม่แล้ว ยังคิดถึงพ่อ และครูบาอาจารย์ ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ทางการแสดงให้ ว่า ป่านนี้คงมาร่วมชุมนุมและส่งกำลังใจมาให้กับตน จากนี้คงจะตั้งใจทำหน้าที่นักแสดง และกำกับการแสดงต่อไป แต่ที่จะเพิ่มเข้ามาคือ เรื่องการสอนงานแสดงและกำกับการแสดงให้กับ นักแสดงรุ่นใหม่ เพื่อสืบสานศิลปะการแสดงให้ยั่งยืนต่อไป สำหรับผลงานที่ประทับใจนั้น ต้องบอกว่าประทับใจทุกเรื่องที่กำกับ และได้แสดงมา เพราะตั้งใจทำทุกผลงานให้ดีที่สุด โดยมีหลักในการทำงานคือ ตั้งใจและรับผิดชอบในงานที่ทำ
นายมีชัย แต้สุจริยา ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ทอผ้า) กล่าวว่า ตนซึมซับและเรียนรู้ประสบการณ์การทอผ้าจากคุณยาย และคุณแม่คำปุน ศรีใส ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ประณีตศิลป์-ทอผ้า) ฝึกฝนและพัฒนาต่อยอดงานทอผ้ามากว่า 40 ปี การได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติรู้สึกตื้นตันและเป็นเกียรติสูงสุด ตอนนี้ที่บ้านคำปุน มีศิลปินแห่งชาติ 2 คน บ้านคำปุนเป็นโรงงานทอผ้าและเปิดบ้านถ่ายทอดความรู้การทอผ้ากาบบัว เพื่อสร้างงานสร้างอาชีพให้ชุมชนใน จ.อุบลราชธานี และทั่วอีสาน เป็นความสุขที่ได้ทำงานร่วมกับชุมชน สุขที่ได้แบ่งปันความรู้งานผ้า ได้รักษาอาชีพ รักษาผ้ากาบบัวไม่ให้สูญหาย ให้ทุนทอผ้ากาบบัวเพื่อชุมชน ช่วยจัดจำหน่ายให้ เพราะต้องการให้มีการสืบทอด สร้างความภาคภูมิใจให้ชาวบ้าน
นอกจากนี้ บ้านคำปุนเป็นโรงงานผ้าที่ได้รับใช้สมเด็จพระพันปีหลวง ในรัชกาลที่ 9 ผ่านการทำเสื้อผ้าให้ภาพยนตร์ไทยเรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเรื่องสุริโยไท และได้รับใช้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชนัดดา การได้มีโอกาสถวายงานเป็นความปีติในชีวิตและร่วมสืบสานงานผ้าไทย สนองพระราชปณิธานนำผ้าไทยสร้างรายได้ ซึ่งตนตั้งมั่นจะทำเพื่อรักษามรดกภูมิปัญญาทอผ้าให้คงอยู่ตลอดไป.
...