"ทนายเดชา" พา "แม่แตงโม" เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมคดีแตงโม เผยผลตรวจเล็บ ไม่พบมีดีเอ็นเอใคร คาดจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่ม ขณะที่แม่เผย "ปอ-โรเบิร์ต" โทรหาเมื่อวาน

วันที่ 1 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม นิดา ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงชื่อดัง ซึ่งตกสปีดโบ๊ตเสียชีวิต พร้อมด้วย นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ในฐานะทนายความของแม่แตงโม เดินทางมายื่นผลชันสูตรพลิกศพรอบ 2 ของแตงโม ที่ สภ.เมืองนนทบุรี

ทนายเดชา กล่าวว่า วันนี้ นำผลการชันสูตรพลิกศพรอบ 2 มายื่นให้กับตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อประกอบการดำเนินคดีต่อไป โดยผลการชันสูตรรอบ 2 เท่าที่ดูอย่างละเอียดแล้ว พบว่ามีความคล้ายคลึงกันกับผลการชันสูตรรอบแรก ไม่มีอะไรที่แตกต่างหรือเป็นนัยสำคัญ ซึ่งจะทำให้ผลของคดีเปลี่ยนไป

สำหรับรอยก้างปลาต่างๆ ที่ปรากฏเป็นจำนวนมากบนตัวของแตงโม ต้องให้เจ้าหน้าที่นิติเวชตำรวจ พร้อมกับเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม มาเปรียบเทียบกัน ส่วนผลการตัดเล็บของแตงโมไปตรวจ ไม่พบว่าดีเอ็นเอของใครอยู่บนเล็บ ส่วนผลการชันสูตรรอบ 2 สามารถนำไปสู่การดำเนินคดีบุคคลบนเรือเพิ่มเติมได้หรือไม่นั้น ต้องให้พนักงานสอบสวนเป็นคนตัดสินใจ แต่คาดว่าจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มอยู่แล้ว โดยจะใช้พยานหลักฐานทั้งหมด ในการพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่ม เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถใช้พยานหลักฐานชิ้นเดียวในการพิสูจน์ความจริงได้

สำหรับผลการชันสูตรรอบ 2 นี้ คาดว่าไม่จำเป็นต้องใช้ เนื่องจากการชันสูตรเสร็จสิ้นตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว โดยครั้งที่ 2 เป็นความประสงค์ของคุณแม่แตงโม ที่ต้องการให้ผ่าซ้ำ ซึ่งผลการชันสูตร ก็ทำให้เห็นว่าผลการผ่าศพของนิติเวชตำรวจมีความแม่นยำ อย่างไรก็ตาม วันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการสอบปากคำแม่ของแตงโมเพิ่มด้วย ส่วนกรณีที่จะดำเนินคดีกับบุคคลที่หิวแสง นำหลักฐานต่างๆ ที่ไม่เป็นความจริงมาเปิดเผย ได้รับการยืนยันแล้วว่าคงมีการดำเนินคดีจริง

...

ด้าน นางภนิดา กล่าวว่า พอใจกับผลการชันสูตรรอบ 2 โดยการมาให้ปากคำในวันนี้ ตำรวจยังไม่ได้บอกว่าจะสอบปากคำในประเด็นใด ส่วนปอและโรเบิร์ต ได้ติดต่อมาหาตนเมื่อวานนี้ พูดคุยถึงการปฏิบัติธรรมว่าทำให้อารมณ์เย็นลง แต่ยังไม่ได้เป็นการนัดเจอกัน หรือพูดคุยกันในประเด็นการสารภาพเรื่องที่เกิดขึ้นบนเรือ ซึ่งตนก็ยังไม่ได้เค้นถามเพื่อเอาคำตอบ ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะมีการเปิดเผยความจริงเมื่อใด คงต้องรอจังหวะเวลา และจะต้องสารภาพต่อหน้าสื่อมวลชน ส่วนกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตนนั้น ยอมรับว่าไม่ได้อ่าน ไม่ทราบและไม่ได้อ่านโซเชียลเลย และไม่ได้ถือสา จะไม่ฟ้องร้องดำเนินคดี หากอยากด่าก็ด่าไป

ส่วนประเด็นที่ ทนายกฤษณะจะออกมาแฉ ก็ได้มีการสั่งให้ทนายกฤษณะหยุดพูด หากไม่หยุดคงต้องมีเรื่อง และมั่นใจว่าไม่มีเรื่องใดให้ทนายกฤษณะแฉ รวมถึงไม่แน่ใจว่าที่นายกฤษณะ พูดแบบนั้นเป็นการสร้างข่าวขึ้นมาเองหรือไม่.