สงกรานต์ปี 2565 ผู้ประกอบการร้านอาหารถนนข้าวสารและพัทยาส่งเสียง หวัง ศบค. ผ่อนปรนมาตรการโควิด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว

เป็นเวลากว่า 2 ปีเต็มที่ผับบาร์ยังไม่ได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิดเต็มรูปแบบ หลายธุรกิจต้องปรับตัวเป็นร้านอาหาร เพื่อให้สามารถเปิดกิจการ มีรายได้ประคองลูกน้องและธุรกิจให้อยู่รอด แต่ยอดขายยังนิ่ง จำนวนนักท่องเที่ยวยังไม่กระเตื้อง เพราะติดปัญหามาตรการการเดินทางในหลายขั้นตอน หลายกิจการใหญ่จึงยังปิดทำการ เพราะไม่คุ้มเสี่ยงที่จะเปิด

สำหรับสองแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทยอย่างถนนข้าวสารและพัทยา วันนี้หลายธุรกิจเริ่มกลับมาเปิดกิจการแล้ว แต่ยังไม่คึกคักเหมือนเคย เพราะนักท่องที่ยวส่วนใหญ่ยังเป็นคนไทยและยังมีอุปสรรคเรื่องเวลากิน-ดื่ม หาก ศบค. ผ่อนปรนมาตรการโควิด-19 ในช่วงสงกรานต์ก็คาดว่านักท่องเที่ยวอาจจะเพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการก็พร้อมจะให้ความร่วมมือเรื่องมาตรการป้องกันอย่างเต็มที่

นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจถนนข้าวสาร
นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจถนนข้าวสาร

นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจถนนข้าวสาร กล่าวว่า “ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา รายได้ส่วนใหญ่มาจากคนไทย สำหรับนักท่องเที่ยวที่เริ่มมาเที่ยวเมืองไทย ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวยุโรป ยังเป็นจำนวนไม่มากถ้าเทียบกับคนไทย ข้าวสารเองก็พยายามปรับให้เป็นเอนเตอร์เทนเมนต์สตรีทมากขึ้น ต่างจากก่อนหน้าที่เป็นวอล์กกิ้งสตรีท เพราะแผงลอยกว่า 500 ชีวิตทั้งถนนยังไม่กลับมา นักท่องเที่ยวเลยยังน้อยอยู่ บนถนนข้าวสาร ถ้าธุรกิจกลางคืนไม่เปิดทุกอย่างก็ปิดหมด ต้องพูดอย่างนี้เลย ธุรกิจกลางคืนคือกลุ่มที่ดึงคนไทยมาเที่ยว แล้วพอคนไทยมาเที่ยว พวกขายของสตรีทฟู้ดก็เริ่มกลับมา”

“แน่นอนว่าทุกคนอยากจะเปิด ทุกคนอยากทำมาหากิน ถ้าไม่เปิดร้านยังต่อรองค่าเช่าได้ พอเปิดร้านปุ๊ปต่อรองค่าเช่าได้บางส่วนเท่านั้น แต่ขายได้แค่ 50% ของพื้นที่แล้วขายได้ถึง 3 ทุ่ม เรียกพนักงานกลับมาก็มีต้นทุน ต้องมาจากต่างจังหวัด มาเช่าห้อง รายได้ไม่คุ้มกับรายจ่าย”

“พอตอนนี้ ศบค. อนุญาตให้เปิดถึง 5 ทุ่ม ถนนข้าวสารก็กลับมาเปิดแล้ว 40% จากเดิมร้านอาหารที่ขายเครื่องดื่ม 70% อาหาร 30% แต่จากนโยบาย ศบค. ที่ออกมา ผู้ประกอบการก็พยายามปรับร้านตัวเองให้มีอาหารมากขึ้น ปฏิบัติตามนโยบายของ ศบค. ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องเว้นระยะห่าง เรื่องความปลอดภัย เรื่องฉีดวัคซีนเราก็ทำอยู่แล้ว แต่เราติดเรื่องของเวลาการขายเครื่องดื่ม เพราะถ้าเป็นร้านอาหารธรรมดามันคือฟู้ด มันไม่ใช่เอนเตอร์เทนเมนต์ที่จำเป็นต้องมีเสียงเพลง เพราะมันคือความสนุกสนาน ส่วนโรงแรมเปิดแค่บางโรงแรมเท่านั้น เพราะเห็นนักท่องเที่ยวที่นั่งกันอยู่ตอนนี้เป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยว ไม่ได้พักที่นี่ แต่อยากมาชมบรรยากาศข้าวสารว่าเป็นยังไง สมัยก่อนคือนักท่องเที่ยวสองหมื่นคนอยู่แถวนี้ทั้งหมดเลย”

ถนนข้าวสารในช่วงเทศกาลสงกรานต์ก่อนสถานการณ์โควิด-19 มีตัวเลขนักท่องเที่ยวที่คาดการณ์ประมาณ 80% แต่ตอนนี้ประมาณ 10% เท่านั้น ซึ่งหากนักท่องเที่ยวยังไม่กลับมาเที่ยว อาจจะเป็นเพราะเรื่องของบรรยากาศ เรื่องค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ค่าเดินทาง ค่าประกันโควิด-19 ค่าตรวจ RT-PCR และค่าใช้จ่ายอื่นๆ

ทางสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจถนนข้าวสารจึงอยากให้ภาครัฐช่วยเหลือหรือพิจารณาผ่อนปรนมาตรการโควิด-19 ในช่วงสงกรานต์ รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวทราบ เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น

นายสง่า กล่าวต่อว่า “ผมคิดว่าภาครัฐไม่เข้าใจเลยว่าผู้ประกอบการเจ็บปวดขนาดไหน และทุกคนพยายามดิ้นรน เพราะฉะนั้น วันนี้เศรษฐกิจกับการแพร่ระบาดมันต้องเดินไปด้วยกันให้ได้ และคุณจะต้องบริหารให้ได้ และรัฐควรชัดเจนว่าจะช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างไรในอนาคต”

นายดำรงเกียรติ พินิจการ เลขานุการ สมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา
นายดำรงเกียรติ พินิจการ เลขานุการ สมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา

ด้าน นายดำรงเกียรติ พินิจการ เลขานุการ สมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา กล่าวว่า “การท่องเที่ยวของพัทยาตอนนี้เริ่มกระเตื้องขึ้นเพราะมีนักท่องเที่ยวคนไทย ต้องย้อนไปก่อนว่านักท่องเที่ยวหลักคือกลุ่มชาวต่างชาติ 80% เมื่อเกิดโควิด-19 นักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ได้ ทำให้เมืองพัทยาซบเซา ธุรกิจหลายธุรกิจมีลูกค้าเป็นต่างชาติทั้งหมด อย่างเช่นตลาดจีน ตลาดยุโรป หรือตลาดรัสเซีย เจ้าใหญ่ๆ ก็ยังปิดบริการอยู่ มีการติดป้ายให้เช่า ให้เซ้ง เลิกกิจการ แต่หลังจากโควิด-19 เริ่มผ่อนคลาย นักธุรกิจหรือผู้ประกอบการมีการปรับตัว เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวไทย เพื่อประคองให้มีรายได้เลี้ยงพนักงาน เลี้ยงครอบครัว คนไหนที่พอปรับตัวได้ก็เริ่มจะอยู่รอดแต่ตอนนี้อย่างที่เรารู้กัน นายกเมืองพัทยามีการนำร่องการท่องเที่ยวโดยการใช้เกาะล้านเป็นตัวหลัก เพื่อดึงนักท่องเที่ยวคนไทยเข้ามา ส่วนพัทยาเองก็จะคึกคักในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ แต่วันธรรมดายังต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบเยอะ ยังไม่ได้ตื่นตัวอะไรเท่าไหร่”

นายดำรงเกียรติ กล่าวต่อว่า “อย่างผับบาร์ตอนนี้ก็จะปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นร้านอาหาร มีการไปขออนุญาตหรือจดทะเบียนร้านอาหารจากทางรัฐเพื่อที่จะได้ถูกต้องตามสาธารณสุข เพื่อจะได้เปิดดำเนินกิจการได้ เรื่องธุรกิจของบาร์เบียร์ยังพอไปได้ แล้วก็ถือว่าโชคดีที่ในกลุ่มร้านที่ว่ามีลูกค้าประจำ เพราะว่าพัทยาเองมีกลุ่มฝรั่งที่เกษียณอายุอยู่กันเยอะ”

“พอช่วงรัฐบาลมีการผ่อนผันมาตรการให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาได้โดยไม่มีการกักตัว หรือกักตัวแค่วันแรกวันเดียว หรืออีก 5 วันตรวจ ATK ก็จะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มชาวยุโรป ชาวอเมริกา และชาวรัสเซียที่บินมาเมืองไทยเยอะ แต่ไม่มีกลุ่มชาวจีนเลย ผับบาร์ที่เป็นตลาดเอเชียก็ยังไม่เปิด เพราะเปิดไปไม่คุ้มทุน”

“ในการที่เขาจะต้องลงทุนแล้วสิ่งที่เป็นอุปสรรคตอนนี้คือกลุ่มพวกร้านเหล้าหรือว่าผับขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถผ่อนคลายตัวเองให้มาเป็นรูปแบบร้านอาหาร ทำไมเขายังไม่ปรับเปลี่ยน เพราะเขามองว่าเป็นเรื่องของเวลากินดื่ม ตอนนี้คือกำหนดเวลาที่ให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ 5 โมงเย็น ถึง 5 ทุ่ม หากลูกค้าของเราเป็นคนไทยกว่าจะอาบน้ำแต่งตัว เลิกงาน 3-4 ทุ่ม ออกมาชั่วโมงสองชั่วโมงก็ไม่มีใครมา”

“ตอนนี้กลุ่มผู้ประกอบการของพวกเราก็ดีใจและยินดี เพราะว่าเมืองพัทยาเป็นเมืองหลักที่กลุ่มผู้จัดงานแนวสงกรานต์เฟสติวัลเห็นเมืองพัทยาเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดึงนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศไทยมาเลย”

เลขานุการ สมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา กล่าวด้วยว่า “เราตั้งเป้าไว้ว่ารัฐบาลคงมีข่าวดีให้เราได้เปิดช่วงสงกรานต์ เพราะทุกเทศกาลเป็นช่วงเวลาทำเงินของปี ทุกร้านคนจะเยอะ ครั้งนี้ก็อาจจะจัดบริเวณลานจอดรถบ้าง Outdoor บ้าง ทุกคนเริ่มเตรียมแผนการแล้ว คือฝั่งผู้ประกอบการเองก็อยากให้บริการ แต่ทีนี้ก็ต้องมาดูเรื่องของคำสั่งรัฐบาลและสาธารณสุข ที่ว่าเมษายนนี้ จะให้ผู้ประกอบการผับบาร์คาราโอเกะจะได้เปิดร้านหรือไม่ เพราะตอนนี้ในคำสั่งของรัฐบาลยังมีคำสั่งห้ามเปิดอยู่”

“อย่างตอนนี้ผู้ประกอบการในพัทยา เช่น ร้านอาหารกึ่งผับ กลุ่มบาร์เบียร์ที่เปิดอยู่ดำเนินการตามนโยบายของรัฐ คือ ผู้ที่จะเข้ามาใช้บริการต้องมีการตรวจ ATK ภายใน 72 ชั่วโมงมาแสดงผล ส่วนผู้ประกอบการหรือร้านที่มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮล์เกือบทั้งหมดให้ความร่วมมือตรวจ ATK ทุกวัน และส่งผลให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขดูด้วย”

“สำหรับจุดตรวจ ATK ตอนนี้ผู้ประกอบการหลายรายก็ร่วมมือกับบริษัทรับตรวจ ATK มีบริษัทเอกชนทำจุดตรวจหน้าร้านนั้นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า โดยลูกค้ายอมจ่ายเงินเพื่อตรวจ ATK แล้วเข้าไปใช้บริการ”

นายดำรงเกียรติ กล่าวทิ้งท้าย ในส่วนของการที่จะกลับมาเปิด “ผมมองว่าอย่าลืมว่าต้องเข้าใจในวัฒนธรรมการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติตอนนี้ยุโรป เอเชียก็เริ่มเปิดเป็นบางประเทศ ไม่มีการตรวจ ATK ไม่มีการกักตัว ถามว่าถ้าเกิดเมืองพัทยาเรายังปิดให้บริการ ยังไม่เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ ผมมองว่ามันก็จะเสียเปรียบให้ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งตอนนี้ในหลายๆ ประเทศเพื่อนบ้านของเรามีการเปิดประเทศเต็มรูปแบบกันแล้ว ตรงจุดนี้ผมมองว่าถ้าเกิดเมืองไทยเราทำช้าก็จะเป็นผลเสียต่อการท่องเที่ยว เพราะในภารกิจของนักท่องเที่ยวเขามาเมืองพัทยา เขาเข้ามาท่องเที่ยว เขาเข้ามาพักผ่อน เขาเข้ามาดื่มมากิน ถ้าเกิดมาแล้วร้านนี้ยังปิด วอล์กกิ้งสตรีทยังปิด เขาก็ไม่อยากจะมา แล้วเขาก็จะไปประเทศเพื่อนบ้านแทน”