Klook รีแบรนด์ จุดยืนแพลตฟอร์ม “จองง่ายจ่ายจบ” มุ่งมั่นการเป็นซุปเปอร์แอปฯ ด้านการท่องเที่ยว มั่นใจเทรนด์ท่องเที่ยวยุคโควิดยังสามารถขยายการเติบโตได้ มุ่งเน้นการทำตลาด ศึกษาพฤติกรรมลูกค้าช่วงเวลาผ่อนปรนมีผลตอบรับในการเดินทางรูปแบบ Test & Go และการทำดาต้าลูกค้าสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตใหม่ของการท่องเที่ยว
- การให้ความสำคัญกับแนวทางการดำเนินงานที่ถูกต้องและการเติบโตของการท่องเที่ยวภายในประเทศทำให้รายได้ของ Klook ในปี 2564 สูงกว่าช่วงก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาด
มีช่องทางการชำระขยายตัวกับกลุ่มพันธมิตรของแพลตฟอร์มกว่า 35 ช่องทางออนไลน์
- บริษัทฯ จะยังคงมุ่งเสริมจุดแข็งในฐานะที่เป็นซุปเปอร์แอปฯ ด้านการเดินทางท่องเที่ยวที่ครบครัน เพื่อสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขโดยการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับนักท่องเที่ยว
มุ่งพัฒนากิจกรรม ศึกษาช่องทางการตลาดจากพฤติกรรมผู้บริโภค พร้อมประสาน ททท.อัปเดตทิศทางในการขยายตลาดรองรับนักท่องเที่ยวในและต่างประเทศ ที่เลือกใช้บริการแพลตฟอร์ม Klook
กรุงเทพฯ คลูก (Klook) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซด้านการเดินทางท่องเที่ยวชั้นนำ ประกาศรีแบรนด์ เปิดตัวอัตลักษณ์แบรนด์ใหม่ในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกำลังเปลี่ยนแปลง โดยตั้งเป้าเป็นแพลตฟอร์มชั้นนำที่จะขับเคลื่อนอนาคตใหม่ของการท่องเที่ยวในปี 2565 และปีต่อๆ ไป
อัตลักษณ์แบรนด์ใหม่นี้ถูกนำเสนอในคอนเซปต์การชักชวนผู้คนให้ไปร่วมสัมผัสประสบการณ์ต่างๆ ที่มีพลังบวกมีความสดใสสนุกสนานและมีความกระตือรือร้น เกิดขึ้นจากความร่วมมือกับ Superunion เอเจนซีด้านแบรนด์ระดับโลกโดยนำเสนอแบรนด์ในคอนเซปต์การชักชวนผู้คนให้ไปร่วมสัมผัสประสบการณ์ต่างๆ จุดประสงค์ที่เปลี่ยนไปของบริษัทฯ นั่นคือ “สร้างแรงบันดาลใจและเพิ่มพูนช่วงเวลาแห่งความสุข” ตอกย้ำอย่างหนักแน่นที่จะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
นายวิลเฟร็ด ฟาน ประธานเจ้าหน้าที่การพาณิชย์ บริษัท คลูก เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า การรีแบรนด์ใหม่นี้เป็นก้าวสำคัญสำหรับ Klook เราได้เอาชนะอุปสรรคในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเพื่อมายืนที่จุดนี้ และไม่มีเวลาไหนที่จะดีไปกว่าตอนนี้อีกแล้วที่จะนำเสนอ Klook ในรูปแบบใหม่ให้ทุกคนได้เห็น ในขณะนี้เรากำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของการท่องเที่ยว การรีแบรนด์ครั้งนี้เป็นความมุ่งมั่นของเราที่จะนำความสุขกลับคืนมาสู่ลูกค้าของเราที่คิดถึงความมหัศจรรย์ของการท่องเที่ยว และเราจะเป็นแอปพลิเคชันคู่ใจสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวในประเทศหรือต่างประเทศ
ตอกย้ำจุดยืนในฐานะซุปเปอร์แอปฯ ชั้นนำด้านการเดินทางท่องเที่ยว
ความมุ่งมั่นของ Klook ที่จะสร้างและมอบประสบการณ์ที่สนุกสนานหลากหลายให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้จำนวนผลิตภัณฑ์และบริการของ Klook เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยจากเพียง 100,000 รายการในช่วงปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพิ่มขึ้นเป็น 490,000 กว่ารายการในปี 2564 นอกจากนี้ จำนวนจุดหมายปลายทางยังเพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็น 1,000 แห่งในปี 2564 เพื่อปูทางให้กับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวต่างประเทศที่ทุกคนคาดหวัง
ตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาด Klook ได้ปรับแนวทางการดำเนินงานและเน้นการท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นหลัก โดยมีกิจกรรมใหม่ๆ เช่น การทำเวิร์กช็อป กิจกรรมเที่ยวชุมชน สเตย์เคชัน ล่องเรือและรถเช่า แม้ว่าตลาดส่วนใหญ่ในเอเชียจะมีข้อกำหนดด้านการป้องกันโควิด-19 แต่แนวทางการดำเนินงานของบริษัทฯ ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จว่า มูลค่ารายได้ของ บริษัทฯ ในปี 2564 เอาชนะปี 2562 ซึ่งเป็นผลมาจากการท่องเที่ยวภายในประเทศเท่านั้น รวมถึงจำนวนผู้ใช้งานจริงต่อเดือนก็เพิ่มสูงขึ้นกว่าในช่วงก่อนการแพร่ระบาด และเนื่องจากการเดินทางระหว่างประเทศกำลังค่อยๆ ฟื้นตัว และมีการผ่อนปรนข้อกำหนดในการเดินทาง ดังนั้น กลยุทธ์ทั้งสองข้อนี้จะช่วยให้ Klook สามารถรักษาจุดยืนในการเป็นบริษัทชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกไว้ได้เป็นอย่างดี
เพิ่มบริการเพื่อเปิดประสบการณ์ “โลกแห่งความสนุก” ในการท่องเที่ยวยุคใหม่
ด้วยความเป็นซุปเปอร์แอปฯ สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ลูกค้าสามารถค้นหาและจองบริการที่ดีที่สุดในแต่ละจุดหมายปลายทางได้ โดยแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ Play, Stay และ Move นอกจากนี้ ลูกค้าจะได้รับข้อเสนอใหม่ๆ เช่น โรงแรมที่พักและสเตย์เคชัน รถเช่า บัตรเข้าชมและบริการอื่นๆ เช่น บริการตรวจหาเชื้อโควิด 19 และประกันการเดินทาง โดยตัวอย่างบริการการท่องเที่ยวแบบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น อาทิ
- Stay+ การพักผ่อนอันน่าทึ่ง: ต่อยอดผลิตภัณฑ์สเตย์เคชันสู่ Stay+ ข้อเสนอ
แพ็กเกจรวมที่พักและกิจกรรม โดย Stay+ ทำให้ลูกค้าสามารถจองห้องพักในราคาพิเศษที่รวมกิจกรรมต่างๆ เช่น แหล่งท่องเที่ยว ทัวร์ท้องถิ่น บริการในโรงแรมและอีกมากมาย - รถเช่าพาคุณไปได้ทุกที่: ศูนย์รวมตัวเลือกรถเช่าที่มากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียแปซิฟิก เติบโตมากกว่า 350% ในปี 2564 เทียบกับปีก่อน โดยจะยังคงเติบโตมากขึ้นอีกในปี 2565
- Klook Pass ความสนุกระดับซุปเปอร์: รวมแพ็กเกจที่ดีที่สุดจากกิจกรรมและบริการที่หลากหลาย โดย Klook Pass จะเป็นบัตรกำนัลพิเศษ All-in-one ในรูปแบบดิจิทัล มอบความประหยัด ความสะดวกสบายและประสบการณ์แบบ All-in-one ครบจบในหนึ่งเดียวให้กับลูกค้า
- ประกันเพื่อความสบายใจไร้กังวล: Klook ร่วมกับบริษัท ZA Tech เป็นบริษัทแรกที่เปิดตัวประกันที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางที่ครบครันในหลายตลาดและมุ่งเน้นภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นหลัก โดย AXA และ Chubb เป็นบริษัทประกันสองรายแรกที่ร่วมมือกับ Klook ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ
พัฒนาสิ่งใหม่อย่างไม่หยุดยั้งเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการประสบความสำเร็จ
Klook มุ่งมั่นเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในยุคใหม่ของการท่องเที่ยวและจะทุ่มเทมากขึ้นให้กับการส่งเสริมผู้ประกอบการเพื่อให้พร้อมต่อการท่องเที่ยวในอนาคต
นายมาร์คัส ยง รองประธานด้านการตลาด บริษัท Klook กล่าวว่า การปรับอัตลักษณ์แบรนด์ครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการสานสัมพันธ์กับลูกค้าซึ่งหมายถึงการผลักดันการพัฒนาใหม่ๆ และนำเสนอหนทางใหม่ที่จะส่งต่อประสบการณ์แห่งความสุขผ่านแบรนด์ ทั้งนี้ ในขณะที่การท่องเที่ยวกำลังฟื้นฟู ไม่มีเวลาไหนที่จะดีไปกว่าตอนนี้อีกแล้วที่จะนำเสนอ Klook ในรูปแบบใหม่ และส่งเสริมให้ลูกค้าของเราสนุกสนานไปกับการท่องเที่ยวอีกครั้ง
นายแอมบริช ชอว์ดรีย์ กรรมการผู้จัดการด้านกลยุทธ์ บริษัทซุปเปอร์ยูเนียน (Superunion) ประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางการรีแบรนด์ของ Klook วันนี้ผู้คนตระหนักแล้วว่าช่วงเวลาที่ได้เดินทางไปต่างประเทศและได้สัมผัสเรียนรู้ประสบการณ์อันแปลกใหม่ส่งผลดีอย่างไรต่อจิตวิญญาณของพวกเขา แบรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้นับเป็นการเฉลิมฉลองช่วงเวลาแห่งความสุขดังกล่าวนั่นเอง
อัตลักษณ์ใหม่นี้ได้นำเสนอสัญลักษณ์ Klook โลโก้ใหม่ เครื่องหมายคำ รูปแบบอักษร สี ภาพและสัญลักษณ์ต่างๆ ลูกค้าจะได้พบกับประสบการณ์บน Klook ที่ตอบสนองและมีส่วนร่วมได้ง่ายขึ้น ด้วยประเภทสื่อรูปแบบใหม่ เช่น กราฟิกเคลื่อนไหว วิดีโอสั้นและเนื้อหาที่น่าตื่นตากว่าเดิม เช่น ทราเวลไกด์ ไลฟ์สตรีมและ vlog รีวิว
และครั้งนี้บริษัทฯ ได้เปิดตัว Flickket ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ที่จะช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล โดยจะมอบโซลูชันทางเทคโนโลยีแก่ผู้ประกอบการเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวสู่โลกดิจิทัลได้เร็วขึ้นและขยายธุรกิจไปได้ทั่วโลก โดยตั้งแต่ปี 2563 จำนวนผู้ประกอบการที่มาเข้าร่วมการปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ระบบดิจิทัลมีมากขึ้นถึง 8 เท่า
Flickket จะส่งเสริมผู้ประกอบการในด้านต่างๆ ดังนี้
- เตรียมความพร้อมสำหรับนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่: ด้วย Flickket ผู้ประกอบการจะสามารถใช้งาน “Express Go!” ระบบออฟไลน์เช็กเอาต์แบบไร้สัมผัส ลูกค้ารุ่นใหม่ต้องการประสบการณ์ที่ไร้การสัมผัสตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด แต่ผู้ประกอบการหลายคนไม่มีทรัพยากรมากพอที่จะสามารถใช้งานโซลูชันเหล่านี้ แต่ด้วยบริการ Flickket ของ Klook จะช่วยสนับสนุนดูแลเรื่องโลจิสติกส์และมอบประสบการณ์การซื้อตั๋วแบบไร้รอยต่อ ไร้สัมผัสและไร้เงินสด ให้กับลูกค้า ปัจจุบันสถานที่ท่องเที่ยวกว่า 20 แห่งทั่วเอเชียใช้งาน “Express Go!” แล้ว
- เพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้ประกอบการเพื่อให้ได้ประโยชน์เต็มที่จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ: ระบบของเราที่ผสานเข้ากับ Things-to-Do ของ กูเกิลและแอปพลิเคชัน Grab ทำให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงลูกค้าประเภทต่างๆ ได้มากขึ้น ผู้ประกอบการยังสามารถเข้าถึงลูกค้าทั่วโลกผ่านเครือข่ายพาร์ตเนอร์ของเรา เช่น OTA สายการบินและอื่นๆ
นายอีริค น็อก ฟาห์ กล่าวสรุปว่า “วันที่ยิ่งใหญ่กว่า สดใสกว่าและดีกว่าสำหรับพวกเราและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกำลังจะมาถึงแล้ว รอคอยพบกับ Klook รูปแบบใหม่ที่จะตอบโจทย์การท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันนี้ได้เลย”.