เรื่องเทพธิดาในชุดขาว เป็นหนึ่งเรื่องในหนังสือที่ พ.สิริ วัชรานุกูล “เล่าให้ฟัง” (กองทุนศูนย์การเรียนรู้ วัดควนเนียง พิมพ์เผยแพร่ พ.ศ.2564) พระรูปนี้เขียนหนังสือดี มีเสน่ห์ เนื้อหา ปลุกเร้าปัญญา

โปรดอ่าน แล้วค่อยๆคิดต่อว่า เชื่อได้แค่ไหน?

5 เดือน ในปี พ.ศ.2535 ฉันพักปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดถ้ำหอ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช บริเวณวัดเป็นป่าไม้ใหญ่เชิงเขา ร่มรื่นเย็นสบาย มีภูเขาหินโอบล้อมเป็นกำแพงสูงชันอีกด้านหนึ่ง

ขออนุญาตเจ้าอาวาส บิณฑบาตส่วนตัว ฉันส่วนตัว ทำวัตรส่วนตัว ทำกรรมฐานส่วนตัว ฯลฯ กุฏิส่วนตัว

ท่านนิมนต์ตามอัธยาศัย

ทุกเช้าออกไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน ถึงวัดแบ่งถ่ายอาหารส่วนใหญ่ไว้ที่หอฉัน เหลือในบาตรแต่พอฉันในกุฏิ ตกเย็นพระตีระฆังทำวัตรเย็น ฉันไม่ลง ตามความเชื่อถือมานาน

ทำวัตรสวดมนต์เป็นยาทา เจริญภาวนาเป็นยากิน

ฉันขยันกินยา ทำไมต้องใช้ยาทาอีก แต่ความเชื่อถือของฉัน มีเทพธิดานางหนึ่ง ไม่ปลื้ม

จู่ๆเย็นวันหนึ่ง นึกแว้บอยากทำวัตรสวดมนต์ ก็เริ่มเป็นส่วนตัวในกุฏิ พอกราบพระ อรหัง สัมมาสัมพุทโธ ภควา พุทธัง ภควันตัง อภิวาเทมิ ก็มีเสียงเคาะหน้าต่าง “ป๊อกๆ” ดังชัดถนัดหูสองครั้ง

คิดว่าใครเรียก ลุกไปก้มดูหน้าต่างบานที่เปิดอ้า ก็เงียบ!

เย็นวันที่สอง เริ่มสวดมนต์ทำวัตรอีก เสียงเคาะสองครั้งก็ดังอีก

หาที่มาเสียงไม่ได้ ใจก็นึกไปที่ต้นลำแพนใกล้...มีเป้าต้นเสียงในใจ ต่อจากนั้นสวดมนต์ทำวัตรเย็นทุกวัน เสียงเคาะก็ดัง ขานรับทุกวัน

ลองทดสอบ ไม่ทำวัตรสักสองเย็น เสียงเคาะก็ไม่มี เปลี่ยนไปทำวัตรตอนตีสี่ เสียงเคาะก็มี

สรุปในใจ เทพธิดาต้นลำแพน ก็เหมือนชาวบ้าน ชอบแต่ยาทา ไม่รู้จักยากิน

คืนหนึ่งราวตี 2 เดินจงกรมก็มีเสียงเคาะหน้าต่างสองครั้ง “ฉันไม่ได้สวดมนต์ เคาะทำไม?” นึกอยากเห็นหน้าคนเคาะขึ้นมา เปิดประตูออกไปดู ในความมืดสนิท กลางดึก ใต้ร่มไม้ใหญ่ใบหนา ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีแสงสว่างใดๆ

...

ฉันมองเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง ในสุดขาวสวยงามเย็นตา เดินช้าๆ ไปที่ต้นลำแพน แล้วหายแว้บไป

เหมือนจะบอกให้รู้ เธออยู่ตรงนั้น...เธอมาทำอะไรอยู่ที่นี่ นานเท่าไรมาแล้ว?

เช้าวันต่อๆมา...ครึ้มฟ้าครึ้มฝน ฉันเตรียมตัวจะออกบิณฑบาต แต่บรรยากาศทำให้ลังเล ในกุฏิไม่มีร่มสักคัน ถ้าไปก็เปียก ถ้าไม่ไปก็อด ทันทีก็นึกถึงแม่ลำแพน

เคยได้ยินเรื่องเล่า เทวดาใส่บาตร อยากรู้ว่าเทพธิดาจะใส่บาตรเป็นหรือเปล่า? จึงเอาบาตรปิดฝาไปวางที่ขั้นบันไดกุฏิ แล้วก็ส่งใจไป “ฉันจะฉันอาหารที่เธอให้”

ก็ลองไปอย่างนั้น ไม่ได้คาดหวังจริงจัง ครู่เดียว เสียงเคาะป๊อกๆ ก็ที่หน้าต่าง...

เธอมาแล้ว เผลอดีใจ ไม่อดข้าวแล้ว

ลุกไปเปิดฝาบาตร ใจแป้ว! ไม่มีอาหารอะไรสักอย่าง ก้นบาตรมีดอกไม้ดอกเล็กๆดอกหนึ่ง

ยกบาตรเข้าห้อง หยิบดอกไม้ออกดู สีขาวอย่างดอกมะลิ แต่ไม่มีกลิ่น ทั้งเล็กกว่า ไม่ใช่ดอกลำแพน กลีบสีเหลืองอมเขียวดอกใหญ่ จิ้มน้ำพริกกินได้ ดอกลำพูก็ไม่ใช่

“นี่หรืออาหารที่เธอให้” เผลอต่อว่า “จะทำบุญให้ทานบ้าง น่าจะทำให้ดีกว่านี้”

แต่มื้อเช้านั้น จึงเป็นดอกไม้ดอกเล็กนั้น ดอกเดียว ผิดหวังเล็กๆ แต่ตลอดวันนั้น ฉันก็อยู่ได้สบายทั้งวัน ไม่หิว

เพียงแต่นึกขันในใจ “อาหารทิพย์ จากเทพธิดาลำแพนทั้งที ทำไมจึงจืดสนิทจังเลย.

กิเลน ประลองเชิง