ปัญหาสังคมนับวันจะทวีความรุนแรงและเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทารุณกรรม ย่ำยี ล่อลวงเด็กและผู้หญิง ยิ่งถ้าผู้ก่อเหตุเป็นคนใหญ่คนโต มีเงิน มีอำนาจ มีเส้นสาย มีอิทธิพล เหยื่อที่ถูกกระทำก็ยิ่งเอาตัวรอดได้ยาก การหยุดยั้งปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงแค่ต้องบังคับใช้กฎหมายเฉียบขาด แต่ยังต้องแก้ไขช่องโหว่ในหลายมิติ

ส่วนการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ต้องถือว่า “แม่พระของคนทุกข์ยาก” คุณปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี เป็นบุคคลอันดับแรกๆที่เหยื่อผู้ถูกกระทำจะไปขอความช่วยเหลือ หรือกรณีที่แจ้งความแล้วคดีไม่คืบ ยังถูกผู้ต้องหาตามไปข่มขู่ หรือก่อเหตุซ้ำ ผู้เสียหายก็มักจะไปพึ่งพิงคุณปวีณาให้ช่วยตามจี้คดี

โลโก้นี้ได้มาด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจจริง ผ่านการพิสูจน์มาเกือบ 30 ปี ด้วยสไตล์การทำงานที่บู๊ชนฉะดะทุกแห่งหน ทำทุกทางเพื่อช่วยเหยื่อให้พ้นภยันตราย หลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ให้เร็วที่สุด

ลองไปดู สถิติรับเรื่องร้องทุกข์ ของมูลนิธิปวีณาฯในปี 2564 ยอดตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.-9 ธ.ค.64 มีทั้งสิ้น 11,267 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ถึง 1,120 ราย คิดเป็น 11.03%

จำแนกเรื่องร้องทุกข์ได้ดังนี้ 1.ข่มขืน/อนาจาร 741 ราย 2.ทารุณ กรรม/ทำร้ายร่างกาย/กักขัง 994 ราย 3.ล่อลวง/ค้าประเวณี/ค้ามนุษย์ 96 ราย 4.ยาเสพติด 265 ราย 5.คนหาย 70 ราย 6.แรงงานไม่เป็นธรรม/ ถูกหลอกทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ 32 ราย 7.ปัญหาครอบครัว 1,510 ราย 8.ขอความเป็นธรรม 744 ราย 9.แชต/อินเตอร์เน็ต 206 ราย 10.ขอความอนุเคราะห์ 832 ราย 11.ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพและบริการทางสาธารณสุข 61 ราย 12.ปัญหาอื่นๆ อาทิ เรื่องเฉพาะส่วนตัว, อาการป่วย, กังวล หวาดกลัว 47 ราย 13.ได้รับผลกระทบจากโควิด 5,669 ราย

...

ที่น่าสังเกตคือผู้ก่อเหตุมักเป็นคนใกล้ชิด มีทั้งสามีภรรยา แฟน เพื่อน ญาติ คนรู้จัก พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยง ส่วนเหยื่อที่ถูกข่มขืน อนาจาร ทารุณกรรม ล่อลวง ก็มีอายุน้อยลงเรื่อยๆ

แต่ละคดีมีความยากง่ายต่างกัน บางครั้งกินเวลาหลายวันกว่าจะช่วยเหยื่อออกมาจากผู้ก่อเหตุ บางกรณีใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะตั้งต้นดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุได้

มีหลายกรณีที่แม้ผู้ก่อเหตุถูกจับกุมดำเนินคดีแล้ว ช่วยเหยื่อผู้เสียหายมาได้อย่างปลอดภัย แต่ก็ยังต้องเยียวยาสภาพจิตใจกันอีกนาน โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง ต้องช่วยบำบัดฟื้นฟูสภาพจิตใจ รวมทั้งจัดหาอาหาร ที่อยู่อาศัย ดูแลจนกว่าจะเริ่มออกไปใช้ชีวิตเองได้

เด็กเล็กเหล่านี้คุณปวีณาและทีมงานเรียกว่า ลูกมูลนิธิปวีณา หลังคดีความจบ คนไหนที่พอจะมีความแข็งแรง ก็ส่งไปอยู่ บ้านพักเด็กของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แต่หากเด็กคนไหนยังเปราะบาง หรือยังไม่พร้อมจะแยกไปอยู่บ้านพัก พม. หรือกลับไปอยู่กับญาติ มูลนิธิปวีณาฯก็รับไว้ดูแลเอง

เกือบ 30 ปีที่ช่วยเหลือคนทุกข์ยาก ทำให้ลูกมูลนิธิปวีณามีจำนวนหลายร้อยคน หลายคนเรียนหนังสือจบ มีอาชีพการงานที่ดี ใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคง บางคนยังกลับมาช่วยงานของมูลนิธิด้วย

ตอนนี้คุณปวีณากำลังเริ่มทำบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับลูกมูลนิธิปวีณาอย่างจริงจัง และต้องการเชิญชวนผู้ที่มีจิตศรัทธาเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนช่วยเหลือลูกมูลนิธิปวีณา ใครมีกำลังพอและอยากรับอุปการะเด็กคนไหนก็ติดต่อกับทางมูลนิธิได้เลย เปรียบเหมือนรับเลี้ยงบุตร สามารถมาเยี่ยมได้ตลอด หรือหากไม่สะดวกจะรับอุปการะโดยตรง จะบริจาคเข้ากองทุนช่วยเหลือลูกมูลนิธิปวีณาก็ได้

รายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่หมายเลข 0–2577–0496 สายด่วน 1134 หรือทาง เฟซบุ๊กมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เอื้อเฟื้อแบ่งปันกันคนละนิด ช่วยเด็กด้อยโอกาสได้เริ่มชีวิตใหม่ กลับมาอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

ผมขอเป็นตัวกลางช่วยบอกบุญ และขอร่วมอนุโมทนาบุญด้วยครับ.

ลมกรด