ก.ตร.มีมติส่ง “วิระชัย” กลับเข้ากรุตามเดิม พ้นตำแหน่งรอง ผบ.ตร. และสำรองราชการตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยให้ยกเลิกทุเลาคำสั่งกรณีถูก “บิ๊กแป๊ะ” เซ็นคำสั่งเด้งเมื่อเดือน ก.ค.63 งานที่รับผิดชอบอยู่มอบให้ “ดำรงศักดิ์” กับ “สุทิน” รอง ผบ.ตร.คุมแทน ส่วนเก้าอี้รอง ผบ.ตร.ที่ว่างยังคงไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือเจ้าตัวเกษียณราชการก่อนพิจารณาอีกครั้ง ในที่ประชุมนายกฯห่วงใยด้านการจราจรให้แก้ไขปัญหาโดยเฉพาะอุบัติเหตุที่เกิดบนทางม้าลาย

“วิระชัย” พ้นตำแหน่งรอง ผบ.ตร. ถูกโยกกลับเข้ากรุตามเดิม เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 31 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์มาที่ห้องประชุมศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในที่ประชุมมีวาระน่าสนใจ คือ กรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำวินิจฉัยของศาลปกครองชั้นต้นยกเลิกคำสั่งให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง กรณี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. (ในสมัยนั้น) มีคำสั่ง ตร.ลงวันที่ 29 ก.ค.63 ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา สำรองราชการ และมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 31 ส.ค.63 ให้ พล.ต.อ.วิระชัยพ้นจากตำแหน่งรอง ผบ.ตร. ส่งผลให้ พล.ต.อ.วิระชัยต้องถูกสำรองราชการเหมือนเดิม ใช้เวลาประชุมนาน 45 นาที

หลังการประชุมเสร็จสิ้น พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. กล่าวว่า กรณีของ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ตร.ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด ส่วนการมอบหมายหน้าที่ของ พล.ต.อ.วิระชัยที่รับผิดชอบ ในส่วนของงานกิจการพิเศษ มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้รับผิดชอบศูนย์ปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และศูนย์ปราบปรามเงินกู้นอกระบบ มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบ.ตร. เป็นผู้รับผิดชอบ ศูนย์นโยบายสำคัญเร่งด่วน มอบให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนการมอบหมายหน้าที่ในขณะสำรองราชการเป็นไปตามกฎ ก.ตร. ตามข้อบังคับ ตร.ว่าด้วยวิธีการในระหว่างข้าราชการตำรวจถูกสำรองราชการ ขณะนี้ฝ่ายอำนวยการอยู่ระหว่างประมวลเรื่องเพื่อนำเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณามอบหมายหน้าที่ที่เหมาะสม

...

โฆษก ตร.กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมมีรายงานเรื่องเอาผิดวินัยข้าราชการตำรวจเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ดำเนินการวินัยร้ายแรงทั้งสิ้น 13 ราย แบ่งเป็นไล่ออกจากราชการ 10 ราย และปลดออกจากราชการ 3 ราย นายกฯฝากความห่วงใยในเรื่องการแก้ปัญหาการจราจร โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่เกิดบนทางม้าลาย เน้นให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องทุกส่วนปลูกฝังเรื่องวินัยการจราจร เรื่องการปรับปรุงมาตรการด้านความปลอดภัย รวมถึงการจอดรถให้ถูกที่ถูกทาง ซ่อมสร้างถนนต้องวางแผนให้อยู่ห้วงระยะเวลาที่เหมาะสมให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด

คำสั่งเด้ง พล.ต.อ.วิระชัยเข้ากรุ สืบเนื่องมาจาก ตร.มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.ในขณะนั้น สำรองราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.63 เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดวินัยร้ายแรง มีพฤติการณ์และการกระทำเข้าลักษณะมีเจตนาเปิดเผยความลับของทางราชการ และฝ่าฝืนระเบียบคำสั่งว่าด้วยการให้ข่าวสัมภาษณ์ก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของ ตร.อย่างร้ายแรง และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้พ้นจากตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.วิระชัยยื่นฟ้อง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ในขณะนั้น เป็นจำเลยที่ 1 ต่อศาลปกครอง ตร.เป็นจำเลยที่ 2 คณะกรรมการข้าราชการตำรวจเป็นจำเลยที่ 3 และนายกรัฐมนตรีเป็นจำเลยที่ 4 กรณีคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคําสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ต่อมาวันที่ 13 ก.ค.64 ศาลปกครองมีคำสั่งกรณี พล.ต.อ.จักรทิพย์ออกคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิระชัยสำรองราชการนั้นไม่ใช่กรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน หากปล่อยให้ล่าช้าไปจะเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะหรือสิทธิของบุคคลโดยไม่มีทางแก้ไขคำสั่งน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีเหตุอันสมควรที่จะทุเลาการบังคับตามคำสั่งที่ให้ พล.ต.อ.วิระชัยสำรองราชการ และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ พล.ต.อ.วิระชัยพ้นจากตำแหน่งรอง ผบ.ตร. เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น หลังจากมีคำสั่งศาลปกครอง พล.ต.อ.วิระชัยกลับเข้าดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร. ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.64 จนกระทั่งวันที่ 21 ม.ค.65 ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกเลิกการทุเลาของศาลปกครอง เป็นเหตุให้ พล.ต.อ.วิระชัยต้องถูกสำรองราชการเช่นเดิม จนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษาคดี

มีรายงานว่าส่วนตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ที่ว่าง ก.ตร.ขอเปิดเป็นกรณีพิเศษเพื่อแก้ปัญหาของพล.ต.อ.วิระชัย ก.ตร.ยังคงให้เปิดตำแหน่งไว้จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด หรือจนกว่าพล.ต.อ.วิระชัยเกษียณอายุราชการ เมื่อถึงเวลานั้นก.ตร.จะพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป