ในฐานะองค์กรที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม กลุ่ม ปตท. ไม่เพียงใช้องค์ความรู้เหล่านี้ขับเคลื่อนตัวเองไปข้างหน้าอย่างมีทิศทางเท่านั้น แต่ยังสามารถประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ที่มีอยู่ ร่วมพัฒนาหลายภาคส่วนในประเทศอีกด้วย เรื่องที่น่าสนใจคือ กลุ่ม ปตท. ได้จับมือกับภาคการเกษตรพร้อมนำองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มีอยู่ ไปประยุกต์ใช้เพื่อสร้างวิถีเกษตรยุคใหม่ขึ้น ด้วยความมุ่งหวังคือ การเสริมฐานรากการเกษตรแห่งอนาคต โดยหนึ่งในแนวทางที่โดดเด่น คือ ‘Smart Farming’ ภายใต้โครงการ “นวัตกรรมสร้างรอยยิ้ม กลุ่ม ปตท.” ที่เป็นมากกว่าแนวคิด แต่คือการลงมือปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม โดยในวันนี้ ไม่เพียงเปลี่ยนแปลงหลายชุมชนนำร่องไปพร้อมกับมอบชีวิตที่ดีขึ้นได้เท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นแบบแผนที่มีประโยชน์ต่อการนำไปพัฒนาชุมชนการเกษตรอื่นๆ ทั่วประเทศ ผ่านองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคตได้อีกด้วย

Smart Farming กำลังทำอะไร

สำหรับ กลุ่ม ปตท. แล้ว การเข้าไปมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนไทยถือเป็นพันธกิจหนึ่งในการขับเคลื่อนองค์กร โดยหนึ่งในโครงการที่ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม คือโครงการ ‘นวัตกรรมสร้างรอยยิ้ม กลุ่ม ปตท.’ โดยมีกลุ่มคนที่ช่วยขับเคลื่อนอยู่ คือ เหล่าบัณฑิตใหม่ในโครงการ Restart Thailand ซึ่งมีภารกิจสำคัญคือการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม มาผสานกับเครือข่ายการทำงานต่างๆ เพื่อปูทางสู่วิถีการเกษตรแบบชาญฉลาด หรือที่นิยามร่วมกันว่า ‘Smart Farming’ ผ่านเป้าหมายชัดเจนใน 2 ประการ คือ 1) การพัฒนาธุรกิจด้านเกษตรกรรมสมัยใหม่ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนวัตกรรม และการบริหารจัดการแบบสากล และ 2) การเพิ่มรายได้จากความสามารถในการผลิต พร้อมลดรายจ่าย และลดเวลาทำงาน รวมถึงเพิ่มผลผลิตของชุมชนด้วยเกษตรกรรมสมัยใหม่

การลงพื้นที่ของทีมงานและการจัดเวทีชุมชน เพื่อศึกษาและเก็บข้อมูลอย่างจริงจัง เป็นจุดเริ่มต้นหนึ่งที่ทำให้ได้พบปัญหา หรือข้อจำกัดบางอย่างในชุมชน จนนำไปสู่การคิดค้นเทคโนโลยีนวัตกรรมที่มีประโยชน์ เพื่อจัดการกับปัญหา หรือข้อจำกัดเหล่านั้น ซึ่งเกิดเป็นผลลัพธ์ที่ดี รวมถึงช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของชุมชนเกษตรกรในพื้นที่ให้ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถต่อยอดไปสู่การวางฐานรากของวิถีการเกษตรแห่งอนาคตได้อีก อย่างการสร้างโรงเรือนอัจฉริยะ ไปจนถึงการผสานเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการทำการเกษตร ล้วนเป็นบทพิสูจน์ของการสามารถผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าไปช่วยทำให้ชีวิตของชุมชนเกษตรเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้

บทพิสูจน์ของการเกษตรแบบชาญฉลาด Smart Farming

การก้าวเข้าสู่วิถีการเกษตรยุคใหม่ในรูปแบบการสร้างโรงเรือนอัจฉริยะ ที่ผสานการทำงานกับระบบจ่ายน้ำทางการเกษตรแบบอัตโนมัติ ด้วยเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) จนนำไปสู่การช่วยเพิ่มผลผลิต รวมถึงช่วยแบ่งเบาภาระด้านแรงงานได้มากขึ้น และทำให้เกษตรกรได้เรียนรู้สิ่งใหม่เพื่อก้าวทันยุคสมัย

โดยการทำการเกษตรแบบชาญฉลาดนี้ได้เกิดขึ้นในชุมชนเกษตรหลายๆ พื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นอำเภอหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่การสร้างระบบโรงเรือนอัจฉริยะพร้อมระบบจ่ายน้ำทางการเกษตรสมัยใหม่ ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพผลผลิตทางการเกษตรได้ เช่นเดียวกันกับชุมชนเกษตรอำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ที่ได้พบว่าการผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมช่วยทำให้การทำการเกษตรเป็นเรื่องง่ายและมีความสะดวกสบายขึ้นกว่าในอดีต โดยหลายชุมชนยังสามารถนำแนวทางนี้ไปต่อยอดต่อไปได้ด้วยตนเอง เพิ่มมูลค่าของผลผลิตทางการเกษตร นำไปสู่การรวมตัวก่อตั้งวิสาหกิจชุมชน สร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอีกด้วย

แม้จะเป็นเพียงก้าวเล็กๆ แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเครื่องยืนยันอย่างหนึ่งได้ว่า Smart Farming เป็นมากกว่าแนวคิด เพราะได้ผ่านการลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ซึ่งไม่เพียงช่วยแก้ไขปัญหาในชุมชนได้ดีเท่านั้น แต่เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกิดขึ้นยังช่วยส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดี อีกทั้งเสริมฐานรากของวิถีเกษตรแห่งอนาคตได้ เชื่อแน่ว่าในเร็ววันนี้เราจะมีโอกาสได้เห็นเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่น่าสนใจแบบนี้ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในวิถีการเกษตรของชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศมากขึ้นด้วย.