ผมกำลังคิดนิทาน เรื่อง ทำไมหมาเกลียดแมว และแมวเกลียดหนู ที่อ่านจากนิทานกริมม์ (บาค็อบและวิลเฮล์ม เขียน อาษา ขอจิตต์เมตต์ แปล แสงดาว 2564) เอาไปใช้กับการเมืองเมืองไทย ได้มากน้อย
หมาตัวนั้น รับใช้สิงโต ราชาแห่งสัตว์ป่า ด้วยความจงรักภักดีมานานปี วันหนึ่งสิงโตประสงค์จะยกย่องให้เป็นที่ปรากฏ จึงเรียกประชุมสัตว์ทั้งป่า มาประกาศให้รับรู้โดยทั่วกัน
“นับแต่วันนี้เป็นต้นไป หมามีตำแหน่งผู้นำขุนนาง”
ประกาศเสียงดังฟังชัดแล้ว สิงโตก็มอบสัญลักษณ์ขุนนาง เป็นหนังแห้งแผ่นย่อมๆ เขียนคำยกย่องด้วยอักษรสีทองให้แก่หมา ท่ามกลางเสียงฮือฮา ขานรับจากเพื่อนพ้อง
หมาผู้ถูกประกาศชื่อว่าแสนซื่อสัตย์ ดีใจยกใหญ่ เสร็จพิธีมอบตำแหน่งขุนนางแล้ว มันยังเก็บความภูมิใจไว้ไม่อยู่ อยากให้แมวเพื่อนรักที่สุด ได้รับรู้ไปด้วย
หมาวิ่งรี่ไปถึงที่อยู่ของแมว อวดแผ่นหนังแล้ว ขอร้องให้ช่วยดูแลรักษา
“แกต้องคอยดูแลอย่างรอบคอบ ไม่ให้ชำรุดเสียหาย ข้อสำคัญอย่าให้ถูกขโมย” หมาเน้นเสียงกำชับ “จนกว่าฉันจะกลับมาเอาคืน”
สำหรับหมาเพื่อนรัก งานฝากแค่นี้เป็นเรื่องเล็กน้อย แมวให้คำมั่นว่าจะทำตาม แล้วก็เอาแผ่นหนังแห้งเขียนด้วยตัวหนังสีทองไปเก็บไว้ในโพรงต้นโอ๊กใหญ่ ซึ่งมันหมายตาและมั่นใจว่าจะปลอดภัยที่สุด
ตอนแรกๆ แมวก็หมั่นไปตรวจดู เพื่อให้แน่ใจ แผ่นหนังจะไม่ถูกฝนเปียกชื้น แต่เมื่อนานๆเข้ามันก็ลืม
ช่วงเวลานั้นเองหนูตัวเล็กตัวหนึ่งกำลังหิวโซ เดินเข้าโพรงไม้โอ๊กต้นนั้น เจอแผ่นหนังก็หมายตา หิวเมื่อไหร่ก็แทะกิน นานวัน แผ่นหนังแห้งจารึกตำแหน่งขุนนางแห่งป่า ก็แหว่งเว้าขาดวิ่น
แล้วก็ถึงวัน หมาต้องใช้แผ่นหนังบอกตำแหน่งขุนนางไปในงานสำคัญในวังพระราชา พอมันไปบอกแมว แล้วชวนกันไปที่โพรงไม้ ก็พบว่าแผ่นหนังถูกหนูแทะเหลือแผ่นเล็กนิดเดียว
...
แมวโมโหหนูเป็นฟืนเป็นไฟ มันด่าหนูและสาบานว่า จะทำสงครามกับหนูไปชั่วกาลนาน ขณะที่หมาก็โกรธแมวมาก สาบานว่า จะเป็นศัตรูกับแมวไปทั้งช่วงชีวิต
นับจากนั้น หมาเจอแมวก็ตีหน้ายักษ์ใส่ แมวเห็นหนูที่ไหนก็วิ่งเข้าใส่ หมากับแมว และแมวกับหนู เป็นศัตรูถาวรกัน ด้วยประการฉะนี้
จบนิทานอ่านเล่นเพลินๆก็ได้ หรือถ้าจะเอาไปยั่วการเมือง ผมพอเห็นช่อง นักการเมืองเขาแบ่งชัดๆ เป็นสองฝ่าย ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน
แต่เกิดมีฝ่ายที่สาม พร้อมจะอยู่ฝ่ายไหนก็ได้ ผมเคยได้ยินเขาเรียกกัน ส.ส.นกแล และ ส.ส.ฝ่ายนี้บางคน หาฝ่ายเข้าไม่ได้ ก็เลย “ลอยตัว” จ้องทุกประเด็นที่เป็นข่าว จิกใส่ทุกเรื่อง ที่เดาว่าเรียกความสนใจ
ผมขอเรียกนักการเมืองพวกนี้ เป็นฝ่ายแค้น
เพราะบทบาทหน้าที่ต่างกัน นักการเมืองพวกนี้ เจอกันเมื่อไหร่ ก็มีเรื่องจิกใส่กัน พวกสื่อรู้ทาง ก็มักชวนไปประกบคู่ ออกทีวี ตีฝีปากเก็บแต้มกันไป
สมรภูมิการเมืองไทย ส่วนใหญ่ก็จิกตีกันในสามฝ่ายนี่ล่ะ เพียงแต่ตอนนี้เกิดมีฝ่ายที่สี่ จับคู่จิกตีกันในพรรคแกนนำรัฐบาล ทั้งๆที่ต่อหน้าก็ยังเรียกกันว่าพี่น้อง
แต่ยิ่งดูๆไป ผมว่าน่าเอ็นดู มากกว่าน่าชัง ฝ่ายหนึ่งวางมาดขุนนางแจกของคนถูกน้ำท่วม อีกฝ่ายใจถึงกว่า ซึ่งก็ดูจะใจถึงมาแต่ไหนแต่ไร...ลงลุยน้ำให้ทีวีถ่ายให้เห็นจมไปครึ่งตัว ฝ่ายนี้ดูเมื่อไหร่ก็ได้ใจ
ผมเป็นชาวบ้าน ดูแล้วกำลังชั่งใจ รักพี่ก็เสียดายน้อง รักน้องก็เสียดายพี่...จะหนีไปเลือกพวกเด็กๆ ก็กลัวเป็นเงื่อนไขให้ทหารยึดอำนาจ ดูข่าวพม่าใจสั่นระรัว นึกถึงเมืองไทยได้ทุกที.
กิเลน ประลองเชิง