ข้อเสนอเชิงนโยบาย “โครงการฟื้นฟูเยียวยาและปรับโครงสร้างการเลี้ยงสุกรของเกษตรกรรายกลางถึงรายย่อยทั้งประเทศเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันแบบยั่งยืน” โดยสภาเกษตรกรแห่งชาติ

มี มาตรการเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการทันที...เร่งจ่ายเงินเยียวยาชดเชยความเสียหายจากโรคกับเกษตรกรรายกลาง รายเล็ก รายย่อย ที่ทำลาย ซากสุกรไปแล้ว, รัฐควรจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำหรือปลอดดอกเพื่อฟื้นฟูอาชีพเกษตรกร โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้เพื่อให้เกษตรกรรายย่อยและรายกลาง

นำระบบ Zoning และ Compartment มาใช้ควบคุมและป้องกันโรคระบาดสัตว์, ขึ้นทะเบียนคนกลางรับซื้อหรือโบรกเกอร์ทุกราย ทุกขนาด, เร่งทำงานวิจัยเรื่องผลกระทบของกฎหมาย ประกาศกระทรวง และระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาวงการหมู เพื่อแก้ไขและปรับปรุงโดยด่วน, สนับสนุนให้มีการจัดตั้งกองทุนสุกรให้เป็นรูปธรรม และนำระบบเศรษฐกิจใหม่ BCG Model หรือโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวมาใช้ในวงการปศุสัตว์

มาตรการระยะปานกลาง ภายใน 3 ปี...เร่งรัดให้กรมปศุสัตว์ เพิ่มศักยภาพในการตรวจวินิจฉัย ชันสูตรโรคที่ได้มาตรฐานทั้งกำลังคนและเครื่องมือ หรือสร้างเครือข่ายการชันสูตรโรคกับมหาวิทยาลัยต่างๆในภูมิภาค เพื่อให้บริการแก่เกษตรกรอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วในการเคลื่อนย้ายและควบคุมโรค

สนับสนุนให้มีการวิจัยและพัฒนาการเลี้ยงสุกรเข้าสู่ระบบ Precision agriculture ที่เหมาะสมกับเกษตรกรแต่ละระดับ รวมถึงการวิจัยวัคซีนและชีวภัณฑ์ต่างๆ เพื่อลดการใช้ยาปฏิชีวนะ โดยสถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศร่วมกับกรมปศุสัตว์

มาตรการระยะยาว ภายใน 5 ปี...การกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ให้ประเทศไทยปลอดจากโรคปากและเท้าเปื่อย หรือควบคุมโรคได้ด้วยวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ, สนับสนุนให้ภาคเอกชน หรือกลุ่มเกษตรกร ตั้งโรงงานผลิตวัคซีนสำหรับสัตว์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อใช้ในประเทศและจำหน่ายในกลุ่มอาเซียน

...

พร้อมกับผลักดันให้เกิดประกันภัยหมูที่เอื้อต่อเกษตรกร เพราะปัจจุบันพบว่าการประกันภัยหมูยังมีค่าเบี้ยประกันสูง ระยะเริ่มต้นจึงเห็นควรเสนอให้รัฐบาลเข้ามาสนับสนุนงบประมาณในบางส่วนระยะเวลาหนึ่งก่อน เพื่อให้เกษตรกรได้ปรับตัว และมีความเข้มแข็ง.

สะ–เล–เต