"สถาบันประสาทวิทยา" เตือน "ปวดหัวอย่างรุนแรง" หากเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เสี่ยงเส้นเลือดสมองโป่งพอง หากรักษาไม่ทันเวลา อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

วันที่ 23 ส.ค. 2564 นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เผยว่า เส้นเลือดสมองโป่งพองเป็นภาวะของผนังหลอดเลือดอ่อนแรงลงจึงเกิดอาการโป่งพอง เกิดได้ทั้งหลอดเลือดแดง หรือหลอดเลือดดำ โดยส่วนมากที่พบมักจะเป็นหลอดเลือดแดง เมื่อเส้นเลือดโป่งพองถึงจุดหนึ่งก็จะมีการแตก ซึ่งทำให้เกิดภาวะที่สำคัญ คือ เลือดออกในช่องใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นอะแร็คนอยด์ ซึ่งภาวะนี้เป็นอันตรายถึงพิการ หรือนำไปสู่การเสียชีวิตได้

ทางด้าน นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า เส้นเลือดสมองโป่งพองแบ่งออกเป็น 2 ประเภท

1. เส้นเลือดสมองโป่งพองแบบยังไม่แตก ทำให้อาการที่ไปกดทับเส้นประสาทข้างเคียง หรือมีขนาดใหญ่มากกว่า 2.5 เซนติเมตร อาจทำให้เกิดอาการชักหรืออ่อนแรงได้

2. เส้นเลือดสมองโป่งพองแบบแตกแล้ว เมื่อมีการแตก เลือดที่ออกมาจะทำให้ความดันในกะโหลกสูงขึ้น ถ้าร่างกายหยุดเลือดไม่ได้ ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตทันที แต่ถ้าเลือดหยุดได้ ผู้ป่วยจะมาพบแพทย์ด้วยเลือดออกในชั้นต่างๆ ของสมอง เช่น เลือดออกในช่องใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นอะแร็คนอยด์ หรือเลือดออกในเนื้อสมอง เป็นต้น

สำหรับสาเหตุของการเกิดโรค เช่น ความผิดปกติแต่กำเนิด หรือโรคทางพันธุกรรม เส้นเลือดแข็งตัวและเสื่อม ภาวะการติดเชื้อ หรือมีการอักเสบในร่างกาย เนื้องอกบางชนิด และอุบัติเหตุ เป็นต้น ส่วนอาการที่พบได้บ่อยที่สุดคือ ปวดศีรษะอย่างรุนแรงมักเป็นทันทีทันใด คลื่นไส้อาเจียน หมดสติ หรือเสียชีวิต การถูกกดทับเส้นประสาท เช่น คอแข็ง หรือปวดร้าวบริเวณใบหน้า การอุดตันของหลอดเลือด และอาการชัก

...

ขณะที่การวินิจฉัยโรค แพทย์จะส่งตรวจ 1.เอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง 2.การตรวจหลอดเลือดในสมอง ซึ่งจะมี 3 ทางเลือก เพื่อหาความผิดปกติของหลอดเลือด ได้แก่ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ร่วมกับการฉีดสารทึบแสง (CTA) ตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าร่วมกับการฉีดสารทึบแสง (MRA) การฉีดสารทึบแสงเข้าทางเส้นเลือด 3.การเจาะหลัง ใช้เมื่อต้องการพิสูจน์ภาวะเลือดออกมาช่องใต้เยื่อหุ้มสมองอะแร็คนอยด์ กรณีที่มองไม่เห็นใน CT Scan แพทย์จะทำการรักษาผู้ป่วยโดยการผ่าตัด และรังสีร่วมรักษาโดยอุดหลอดเลือด

แต่ในบางกรณีต้องใช้การรักษาทั้ง 2 แบบร่วมกัน เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของการโตหรือแตกของเส้นเลือดโป่งพอง ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรค ได้แก่ ความดันโลหิตสูง สูบบุหรี่ และปัจจัยต่างๆ ที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบทั้งร่างกาย โรคเส้นเลือดสมองโป่งพองเป็นภัยเงียบที่ไม่อาจทราบได้ล่วงหน้า ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือถ้ามีอาการผิดปกติ หรือปวดศีรษะอย่างรุนแรงที่สุด อย่ารอช้า ควรรีบมาพบแพทย์โดยทันที.