สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจและเป็นข่าวเล็กๆ ในสื่อสังคมออนไลน์ แต่น่าศึกษา เกี่ยวกับมีมูลนิธิหนึ่งได้รับเรื่องร้องเรียนจากพลเมืองดีว่า มีสุนัขจำนวนกว่า 40 ตัว ไม่ได้รับการดูแลให้มีความเป็นอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม มีสุขอนามัยที่ดี มีที่อยู่สะดวกสบาย ตามพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 เมื่อมูลนิธิได้รับเรื่องร้องเรียนก็รีบดำเนินการประสานกับทางปศุสัตว์ในเขตพื้นที่ รวมไปถึงพาสัตวแพทย์ และทีมงาน เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมทั้งขอกำลังตำรวจไปเพื่อเป็นสักขีพยานในการปฏิบัติงานช่วยเหลือสุนัขดังกล่าว

เมื่อทีมงานไปถึงบริเวณหน้าบ้านเป้าหมาย เจ้าหน้าที่ก็ได้แสดงตัว และเจรจาขอเข้าไปภายในบริเวณบ้าน เพื่อจับสุนัขทั้งหมดขึ้นรถเอาไปตรวจสุขภาพ และประเมินสุขภาพสุนัขตามขั้นตอนต่อไป ในการจับสุนัขก็มีอุปสรรค เนื่องจากสุนัขหวาดระแวงคน ทำให้วิ่งหนีไปคนละทิศคนละทาง สุนัขบางตัววิ่งเข้าไปภายในบ้าน ทีมงานจึงเข้าไปภายในบ้านเพื่อทำการจับสุนัข หลังจากนั้นก็มีการทำบันทึกข้อตกลงส่งมอบสุนัข เพื่อให้นำสุนัขไปตรวจสุขภาพและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป เช่น ส่งคืนเจ้าของ หรืออายัดไว้เพื่อดำเนินคดี เป็นต้น

วันถัดมาเจ้าของบ้านก็ไปแจ้งความดำเนินคดีกับทีมงานสองคนที่เข้าไปภายในบ้าน ในข้อหาบุกรุก และขอให้ลงโทษหนักขึ้น เนื่องจากอ้างว่า ร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป

ประเด็นที่น่าสนใจ คือ การที่เจ้าของบ้านอนุญาตให้เข้าไปในบริเวณบ้านได้ แต่มิได้อนุญาตให้เข้าไปภายในตัวบ้านนั้น จะเป็นความผิดในข้อหาบุกรุกหรือไม่

กรณีนี้ มีข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 ผู้ใด เข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น เพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมด หรือแต่บางส่วน หรือเข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุข ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

...

มาตรา 365 ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 362 มาตรา 363 หรือมาตรา 364 ได้กระทำ (1) โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย (2) โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป หรือ (3) ในเวลากลางคืน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

จากหลักกฎหมายข้างต้น การกระทำความผิดในคดีอาญาจะต้องประกอบด้วยเจตนาเป็นสำคัญ เมื่อทีมงานได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านให้เข้าไปในบริเวณบ้าน เจ้าของบ้านจึงไม่ได้รับความเสียหายจากการที่ทีมงานเข้าไปในบริเวณบ้านและภายในบ้าน ประกอบกับทีมงานไม่มีเจตนาบุกรุก หรือรบกวนการครอบครองโดยปกติสุขของเจ้าของบ้านแต่อย่างใด หากแต่เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อป้องกันการทารุณกรรมและจัดการสวัสดิภาพสัตว์ตามที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งการเข้าไปในภายในบ้านนั้น เป็นการกระทำเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้ขออนุญาตเจ้าของบ้านไว้ คือ การจับสุนัขให้ครบทุกตัว

การที่ทีมงานที่เข้าไปภายในบ้านของเจ้าของบ้าน จึงขาดเจตนาบุกรุก หรือขาดเจตนารบกวนการครอบครองโดยปกติสุขของเจ้าของบ้าน การกระทำของทีมงานดังกล่าวจึงไม่เป็นความผิดทางอาญาในข้อหาบุกรุก

สุดท้ายนี้ การกระทำใดๆ ก็แล้วแต่ ที่สุ่มเสี่ยงจะผิดกฎหมาย หากกระทำโดยมีความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร หรือมีการบันทึกภาพเคลื่อนไหวไว้เป็นหลักฐาน ก็จะเป็นหลักฐานที่จะสนับสนุนข้ออ้าง หรือข้อต่อสู้ของคนที่ทำงานโดยสุจริตได้ครับ

สำหรับท่านที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยครับ

Facebook: ทนายเจมส์ LK

Instagram: james.lk