วิกฤติโควิด-19 สภาพภูมิอากาศแปรปรวน ส่งผลต่อการผลิตอ้อยของชาวไร่อ้อย กระทบไปถึงการส่งออก รวมทั้งการบริโภคในประเทศ ส่งผลให้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกตกต่ำมากที่สุดในรอบ 10 ปี

ข้อมูลกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ปี 2564 ภาพรวมคลังน้ำตาลตลาดโลกมีปริมาณเพิ่มขึ้น 3 ล้านตัน จากเดิม 42.8 ล้านตัน เป็น 45.8 ล้านตัน จากปริมาณการบริโภคลดลง

ยังไม่รวมวิกฤติอื่นที่เกษตรกรไม่สามารถจัดการได้ อาทิ ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ขาดเสถียรภาพ ความมั่นคงในการส่งอ้อยเข้าโรงงาน ขาดแหล่งทุน แรงงาน การเผาอ้อยก่อให้เกิดมลพิษ การพัฒนาภาคการผลิตให้มีศักยภาพ การนำนวัตกรรมมาใช้ในการผลิตเพื่อลดความสูญเสีย ลดแรงงาน ดูแล และกระตุ้นให้เกิดผลผลิตเพิ่มขึ้น

เวทีเสวนาออนไลน์ “เราจะฝ่าวิกฤติ อ้อย และน้ำตาลไทยได้อย่างไร” จัดโดยสมาคมนักวิชาการอ้อยและน้ำตาลแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลแห่งประเทศไทย (สอน.) กระทรวงอุตสาหกรรม และผู้แทนภาคเอกชน เพื่อร่วมระดมสมองหาทางออกในยามวิกฤติรอบด้าน ได้ข้อสรุป ทุกภาคส่วนต้องนำมาตรฐานสากลต่างๆ เช่น Bonsucro หรือ Fairtrade International และ Organic มาปรับใช้ตลอดกระบวนการ ให้สอดคล้องกับความต้องการแต่ละตลาด พัฒนาระบบบริหารจัดการ เทคโนโลยีการผลิต เก็บเกี่ยว ขนส่ง ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูง ต้นทุนลดแต่กำไรเพิ่ม

และต้องขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาแบบองค์รวม (BCG) ใน 3 มิติ ได้แก่ ระบบเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

ปรับแก้ไขกฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน สนับสนุนอุตสาหกรรมโดยไม่ขัดแย้งกับข้อบังคับความร่วมมือในระดับนานาชาติ จัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เครื่องจักร เพื่อส่งเสริมการผลิต พัฒนาความรู้ สร้างเครือข่าย และสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่

...

สร้างกลไกสนับสนุนให้โรงงานน้ำตาลรับซื้อเศษซากใบ ยอดอ้อย และผลักดันธุรกิจที่ต้องการเชื้อเพลิงได้ใช้วัสดุเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรม เน้นประสานความร่วมมือรอบด้านระหว่างภาครัฐ โรงงาน และเกษตรกร.

สะ–เล–เต