“ประเทศไทย”...ได้ชื่อว่าเป็น “อู่ข้าวอู่น้ำ” แม้ว่าโลกจะพัฒนาขึ้น แปรเปลี่ยนไปอย่างไร การทำไร่ทำนา...เพาะปลูกทำการเกษตรกรรมสารพัดรูปแบบจะยังคงเป็นอาชีพหลักที่สำคัญของคนไทยที่สืบทอดจากรุ่นต่อรุ่น...เป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่และรากฐานเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง
ตอกย้ำด้วยประโยคคุ้นหู “เงินทองของมายา...ข้าวปลาสิของจริง” ทว่า...ท่ามกลางวิกฤติ “โควิด–19” ระบาดหนักทั่วทุกหย่อมหญ้าเช่นนี้ “ผลไม้ไทย”...ช่วงหน้าร้อนปีนี้ที่ผ่านมา ส่วนราชการ เกษตรกร ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องประเมินสถานการณ์ผลไม้ฤดูกาลผลิตปี 2564 คาดการณ์ว่าปริมาณ “ผลผลิต” จะ “เพิ่มขึ้น” จากปี 2563 ประมาณร้อยละ 25
ผนวกกับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อ “โควิด–19” ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทั่วโลกและยังไม่คลี่คลายลงโดยสิ้นเชิง ทำให้ สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว ตลอดจนปัญหาด้านการขนส่ง โดยเฉพาะผลผลิตผลไม้ที่จะออกสู่ตลาดมากตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 เป็นต้นไปจะได้รับผลกระทบมาก
...
คาดว่า...จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อ “เกษตรกร” ผู้ปลูกผลไม้และ “ผู้ประกอบการ” อย่างแน่นอนไม่มากก็น้อย
ประเด็นสำคัญมีว่า...ในขณะที่ตลาดรองรับผลผลิตทั้งในประเทศและการส่งออกไปต่างประเทศยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 บวกกับแนวโน้มปัญหาจะเกิดขึ้นในช่วง “ผลผลิต” ผลไม้ออก “กระจุกตัว” พร้อมๆกันจะเกิดปัญหากับผลไม้ไทยอย่างแน่นอน
เพื่อคลี่คลายปัญหาใน “ห่วงโซ่อุปทานผลไม้” จึงเร่งวางแผน ผลักดัน...จัดให้มีกิจกรรมรวบรวมผลไม้เพื่อการส่งออก ภายใต้โครงการบริหารจัดการผลไม้ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เกิดการผลักดันการส่งออกผลไม้เพิ่มขึ้น ด้วยการสนับสนุนความช่วยเหลือด้านภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการร่วมโครงการ
แน่นอนว่า...จะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันทางการค้าให้แก่ผู้ส่งออกไทย ที่เป็นหน่วยสำคัญในการรวบรวมรับซื้อผลไม้จากเกษตรกรเป้าหมายเพื่อช่วยรักษา และ...ยกระดับ “ราคาผลไม้” ที่เกษตรกรขายได้ให้มีเสถียรภาพขึ้น
ถัดมา...ภาครัฐช่วยสนับสนุนค่าบริหารจัดการในการรวบรวมรับซื้อผลไม้คุณภาพเพื่อการส่งออกให้แก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรมรวบรวมผลไม้เพื่อการส่งออก ภายใต้โครงการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2564
อัตรากิโลกรัมละ 5 บาท เป้าหมาย “รับซื้อ” เพื่อส่งออก 60,000 ตัน ในกรอบวงเงิน 150 ล้านบาท โดยกำหนดสัดส่วนการสนับสนุนค่าบริหารจัดการในการส่งออกผลไม้ต่อปริมาณผลไม้ที่ส่งออกทั้งหมดในอัตราส่วน 1 : 2 เพื่อให้ผู้ประกอบการรับซื้อผลไม้จากเกษตรกร...สหกรณ์...สถาบันเกษตรกร และส่งออกเพิ่มขึ้น
ผ่านมาถึงวันนี้ “กระทรวงพาณิชย์” ได้ผุดโครงการสนับสนุนส่งเสริมต่อเนื่องด้วยการเพิ่มกิจกรรมเสริมสภาพคล่องการรับซื้อผลไม้
ภายใต้โครงการ “บริหารจัดการผลไม้ ปี 2564” ของกรมการค้าภายใน
หัวใจสำคัญคือ...ชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 6 เดือน (ชดเชยกรอบวงเงินสูงสุดไม่เกินรายละ 50 ล้านบาท)
กรอบวงเงินกู้รวมทั้งโครงการ 3,330 ล้านบาท
กลุ่มเป้าหมาย...เป็นสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการค้าผลไม้ ที่รวบรวมรับซื้อผลไม้จากเกษตรกร
โดยมีผลไม้เป้าหมาย 8 ชนิด ได้แก่ มะม่วง ทุเรียน มังคุด เงาะ ลำไย ลองกอง สับปะรด ลิ้นจี่
...
วัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน บอกว่า โครงการนี้ได้รับอนุมัติเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์หรือธนาคารของรัฐ ระหว่างวันที่ 1 มี.ค.63-30 ก.ย.64 เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการรวบรวมรับซื้อผลไม้ฤดูกาลผลิตปี 2564
ผู้ที่มีคุณสมบัติสามารถยื่นแบบขอรับการสนับสนุนชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการ โดยมายื่นด้วยตนเอง ณ กองส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตร 1 กรมการค้าภายใน ในวันทำการ ระหว่างเวลา 08.30-15.00 น. หรือส่งไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ได้ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค.65
สอบถาม...ศึกษารายละเอียดได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ หรือเว็บไซต์กรมการค้าภายใน www.dit.go.th
วัฒนศักย์ ย้ำอีกว่า จากสภาพปัญหา สถานการณ์ผลไม้ภาคเหนือและภาคใต้ที่กำลังออกสู่ตลาดมาก ภายใต้การระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมผลไม้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน
โดยเฉพาะ “ผู้ประกอบการ” ขาดสภาพคล่องและเงินทุนในการเข้าไปรวบรวม “รับซื้อ” ผลไม้จากเกษตรกร ส่งผลให้...เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน
...
“กรมการค้าภายใน” จึงได้ร่วมกับ “ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)” และ “บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)” จัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับการใช้รวบรวมรับซื้อผลไม้
ได้แก่ “โครงการเสริมแกร่ง SME เกษตร” ของ ธ.ก.ส. อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 4 ต่อปี และ บสย.ให้บริการยกเว้นค่า ธรรมเนียมหลักประกันตามโครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. SMEs สร้างชาติ (PGS 9)
ผู้เข้าร่วมโครงการที่เข้าตามเงื่อนไขของกิจกรรมเสริมสภาพคล่องของกรมการค้าภายใน ยังสามารถขอรับการสนับสนุนชดเชยดอกเบี้ยจากกรมได้อีกร้อยละ 3 ระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 6 เดือน
ทั้งนี้ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำดังกล่าวข้างต้นนี้ได้ที่ ธ.ก.ส.ทั่วประเทศ
เรา “คนไทย” จะต้องผ่านวิกฤตินี้ไปได้ด้วยกัน หยัดยืนนโยบายต่อเนื่อง ภายใต้หลักการร่วมมือกัน “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ทำงานให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพจากเกษตรกร โดยมี “ป๋าดัน” กระทรวงพาณิชย์ช่วยระบายสินค้าทางการเกษตรไปยังตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
...
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ที่ต้องเร่งในช่วงนี้เป็นกรณีพิเศษคือ... “ผลไม้” ตอกย้ำตลาดในประเทศ “ต้นน้ำ” กระจายออกนอกแหล่งผลิตไปสู่ผู้ค้าส่ง-ค้าปลีก โรงงานแปรรูปท่ามกลางวิถีนิวนอร์มอล คิดใหม่ทำใหม่ด้วยการเพิ่มการกระจายผลผลิตไปสู่ผู้บริโภค “กลางน้ำ”...เสริมสภาพคล่องให้เกษตรกร สถาบันเกษตรกร ผู้ประกอบการ และ “ปลายน้ำ”...ผลักดันสนับสนุนส่งเสริมการส่งออก
“กลไกขับเคลื่อนมาตรการบริหารจัดการผลไม้ปี 2564” ตั้งหวังช่วยเหลือชาวสวนเต็มกำลัง...ผลผลิตไม่ “ล้นตลาด” ไม่ต้องมานั่ง “น้ำตาตก” ต่อลมหายใจ “ชาวสวนผลไม้” ให้สู้ๆๆๆ.