"หมอยง" ชี้ ไทยต้องฉีดวัคซีนป้องกัน "โควิด-19" เพิ่ม 85% เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ควบคุมการแพร่ระบาด โดยเฉพาะ "กลุ่มเด็ก" ที่ต้องกระตุ้นให้มีภูมิต้านทานเกิดขึ้น

วันที่ 8 ส.ค. 2564 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เรื่อง "โควิด-19 ภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity) ที่ต้องการเพื่อหยุดยั้งการระบาด" โดยระบุข้อความว่า ถ้าประชากรส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันป้องกันโรคเป็นจำนวนมาก ปัญหาการระบาดก็จะทุเลาลง และจะสามารถควบคุมได้ หรืออัตราการตายต้องน้อยลง

ภูมิคุ้มกันหมู่ที่ต้องการ เราคำนวณมาจากความสามารถในการกระจายโรค แต่เดิมสายพันธุ์อู่ฮั่นการกระจายโรคจาก 1 คนติดไปสู่ผู้อื่นประมาณ 2-3 คน การคิดภูมิคุ้มกันหมู่ เรามีสูตร 1-1/อํานาจการกระจายโรค ถ้าอํานาจการกระจายโรคเป็น 3 ภูมิคุ้มกันหมู่ที่ต้องการยุติโรค 1-1/3 หรือเท่ากับ 66% เราจึงคิดจะให้วัคซีนกับประชากรไทยให้ครอบคลุมให้ได้ 70% หรือประมาณ 50 ล้านคน ต้องใช้วัคซีน 100 ล้านโดส

แต่เมื่อวันเวลาเปลี่ยนไป ไวรัสตัวจากสายพันธุ์อู่ฮั่นให้การกระจายโรคเท่ากับไข้หวัดใหญ่อยู่ที่ 2 ต่อมาเป็นสายพันธุ์ G ติดง่ายขึ้น สมมติเป็น 1.5 เท่า และต่อมาเป็นสายพันธุ์ Alpha (อังกฤษ) ก็ติดต่อได้ง่ายขึ้นอีก สมมติเป็น 1.5 เท่าอีก และเมื่อมาเป็นสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ก็ติดได้ง่ายขึ้นอีก สมมติเป็น 1.5 เท่าอีก เมื่อเป็นเช่นนี้การกระจายโรคตั้งแต่อยู่ที่จีนถ้ามีค่าเท่ากับ 2

เมื่อมาถึงสายพันธุ์เดลตา หรืออินเดีย ก็จะเท่ากับ 2X1.5X1.5X1.5 คือ 6.75 หรือกล่าวว่าผู้ป่วย 1 คนสามารถกระจายโรคไปให้ผู้อื่นได้ 7 คน จึงทำให้เห็นโรคนี้ติดต่อกันง่ายมากขึ้น หาต้นต่อการติดต่อไม่ได้เลย ภูมิคุ้มกันหมู่ที่ต้องการก็จะเปลี่ยนไปเป็น 1-1/7 หรือเท่ากับ 85% แสดงว่าเราต้องการให้วัคซีนในประชากรเพิ่มสูงขึ้นอย่างน้อย 85 เปอร์เซ็นต์ และถ้าทั่วโลกต้องการเพิ่มกันหมดทุกประเทศ ในการควบคุมการระบาดของโรค ปริมาณวัคซีนที่ขณะนี้มีก็ไม่เพียงพออยู่แล้ว ก็จะยิ่งไม่เพียงพอใหญ่ และบางประเทศจะเริ่มให้เข็ม 3 อีก ก็จะทำให้ยิ่งขาดแคลนมากขึ้น

...

ประเทศสหรัฐอเมริกา เจอสายพันธุ์ที่ติดง่ายขึ้น เดลตา แบบที่เราเจอ ก็มีผู้ป่วยร่วมแสนต่อวัน ฝรั่งเศส อังกฤษ ประชากรใกล้เคียงกับไทยมีการติดเชื้อต่อวัน ไม่น้อยกว่าประเทศไทย ถึงแม้ว่าจะฉีดวัคซีนมากกว่าประเทศไทยมาก อัตราตายที่เกิดจากการฉีดวัคซีนแล้วจะน้อยกว่า

ขณะที่ประชากรเด็กจะเป็นประชากรอีกกลุ่มหนึ่ง ที่จะต้องกระตุ้นให้มีภูมิต้านทานเกิดขึ้นเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเด็กจะไม่มีอาการมาก แต่ก็จะแพร่กระจายเชื้อได้เป็นอย่างดี ถ้าต้องการให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ตามเป้าหมาย และวัคซีนในยุคต่อไปจะต้องพัฒนาให้ตรงกับสายพันธุ์ที่ระบาดใหญ่อยู่ตลอดเวลา.

ขอบคุณเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan