กว่า 10 ปี ที่ “เทนเซ็นต์” บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกได้เข้ามาขยายอาณาจักรในประเทศไทย จนวันนี้ชื่อของ “เทนเซ็นต์ ประเทศไทย” ฉายชัด และแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ โดยปัจจุบันถือเป็นผู้นำในฐานะผู้ให้บริการเอนเตอร์เทนเมนต์แพลตฟอร์มที่หลากหลาย และครอบคลุมที่สุดในไทย และเป็นผู้ให้บริการโซลูชันคลาวด์ระดับเวิลด์คลาสที่ครบวงจร ตอบโจทย์ความต้องการทุกอุตสาหกรรม จึงเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่น่าจับตามอง ถึงแม้ในสถานการณ์อันเปราะบางอย่างวิกฤตโควิด-19 จะสั่นคลอนโลกธุรกิจอยู่บ้าง แต่คงไม่ใช่กับ “เทนเซ็นต์ ประเทศไทย” ซึ่งคำตอบก็คือ การใช้ความเชี่ยวชาญ และจุดแข็งด้านเทคโนโลยี และแพลตฟอร์มมาพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ขณะเดียวกันก็นำจุดแข็งของตนมาช่วย “เพื่อนร่วมสังคมธุรกิจ” ให้ก้าวผ่านสถานการณ์อันยากลำบากนี้ไปด้วยกัน …”เทนเซ็นต์ ประเทศไทย” กำลังทำอะไร คำตอบของโอกาสอยู่ตรงไหน …เป็นเรื่องน่าสนใจไม่น้อยที่จะทำความรู้จักกับบริษัทที่กำลังเติบโตขึ้นไปพร้อมๆ กับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

วันนี้ของ “เทนเซ็นต์ ประเทศไทย”

ผู้ที่จะทำให้เรารู้จักกับ “เทนเซ็นต์ ประเทศไทย” มากขึ้น คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “คุณกฤตธี มโนลีหกุล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งให้เกียรติพูดคุยกันผ่านแอปพลิเคชันประชุมออนไลน์อย่าง “วูฟ มีตติ้ง” (VooV Meeting) ซึ่งเป็นโซลูชันจาก Tencent Cloud ที่เทนเซ็นต์เปิดตัวมาเพื่อรองรับความต้องการในสถานการณ์โควิด-19 และนั่นทำให้เห็นภาพของการสร้างโอกาสทางธุรกิจท่ามกลางวิกฤตได้อย่างชัดเจน

“ถ้าพูดถึง “เทนเซ็นต์” หลายคนคงรู้จักกันดี ในฐานะบริษัทด้านอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลก ที่เริ่มเติบโตจากการพัฒนา “คิวคิว” (QQ) โปรแกรมแชตผ่านคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมสูงในสมัยนั้น ถ้าฝั่งอเมริกามี MSN ตอนนั้น ทางฝั่งเอเชียก็มี QQ จนทำให้เทนเซ็นต์ได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ที่ฮ่องกงในปี 2004 ต่อมาได้มีการพัฒนา และนำเกมมาปลั๊กอินกับ QQ ก่อนจะพัฒนามากขึ้นไปอีก จนปัจจุบันเทนเซ็นต์ถือเป็นบริษัทเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงยังเป็นผู้พัฒนาแอปพลิเคชันยอดนิยมอย่าง “วีแชท” (WeChat) เป็นแชตแพลตฟอร์มบนโทรศัพท์มือถือที่ได้รับความนิยมสูงสุดในจีน และเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มที่ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ อีกมากมาย ทั้งด้านการสื่อสาร, Digital Content,  FinTech และการให้บริการทางธุรกิจต่างๆ เช่น การชำระเงิน การรักษาความปลอดภัย ระบบคลาวด์ และปัญญาประดิษฐ์

“ในส่วนของ เทนเซ็นต์ ประเทศไทย นั้น เติบโตมาจาก Sanook.com  โดยในปี 2010 เทนเซ็นต์ประเทศจีน ได้เข้ามาถือหุ้นใน Sanook จากนั้นได้เปลี่ยนชื่อ Sanook มาเป็น เทนเซ็นต์ ประเทศไทย และเริ่มก้าวกระโดดขยายธุรกิจสู่เอนเตอร์เทนเมนต์แพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น JOOX ธุรกิจมิวสิกสตรีมมิง PUBG MOBILE ธุรกิจเกม WeTV ธุรกิจคอนเทนต์บนแพลตฟอร์ม OTT ซึ่งคอซีรีส์จีนและซีรีส์ไทยคงรู้จักกันดี ล่าสุดขยายสู่แพลตฟอร์มอ่านการ์ตูนออนไลน์ด้วยการลงทุนใน Ookbee ก่อนจะซื้อกิจการส่วนหนึ่งของ Ookbee นั่นคือ Ookbee Comics และเปลี่ยนเป็น WeComics เพื่อเพิ่มความหลากหลายของคอนเทนต์ ขณะเดียวกันก็ขยายพอร์ตสู่ธุรกิจ B2B ด้วยการเปิดตัว Tencent Cloud เนื่องจากต้องการสร้าง Business Ecosystem ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และสร้างความมั่นคงทางรายได้ เพราะการดำเนินธุรกิจนั้นจะต้องมีทั้ง B2C (Business – to – Customer) และ B2B (Business – to – Business) ควบคู่ไปด้วยกัน”

คุณกฤตธี กล่าวโดยสรุปว่า “ปัจจุบัน “เทนเซ็นต์ ประเทศไทย” มีธุรกิจภายใต้การบริหาร 3 กลุ่ม นั่นคือ กลุ่ม News & Portal ได้แก่ Sanook.com กลุ่ม Entertainment ที่มีแพลตฟอร์มความบันเทิงชั้นนำที่หลายคนรู้จักกันดี ตั้งแต่ JOOX, WeTV, PUBG MOBILE และ WeComics ส่วนธุรกิจในกลุ่มที่ 3 คือ กลุ่ม Solutions ได้แก่ บริการ Tencent Cloud ที่วางแนวทางชัดเพื่อสนับสนุนกลุ่มลูกค้าภาคธุรกิจ ซึ่งคุณกฤตธีกล่าวว่า Tencent Cloud จะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่กลายมาเป็นส่วนที่หล่อเลี้ยงองค์กรอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกัน ก็จะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรม ในการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) รวมถึงจะมารองรับเทรนด์ใหม่ในการใช้ชีวิต และดำเนินธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในยุคหลังโควิด-19 โดยเทคโนโลยี Cloud และ AI จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในทุกภาคส่วน ทั้งการศึกษา การแพทย์ อุตสาหกรรม เป็นต้น”

“คงกล่าวได้ว่า เทคโนโลยีดิจิทัลจะเป็นหนึ่งในคำตอบของการดำเนินธุรกิจในวันนี้ และในอนาคต โดยโซลูชันคลาวด์ จะมาช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานให้ทุกๆ อุตสาหกรรม รวมถึงปรับรูปแบบธุรกิจให้สอดรับกับตลาดที่เปลี่ยนไป เช่น บริษัท Foxconn Industrial Internet ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แต่บริษัทยังสามารถเดินหน้าสั่งการให้สายพานผลิตดำเนินต่อไปได้ หรือที่เรียกว่า “Light Out Factory” เสมือนโรงงานที่ปิดไฟ แต่ทุกๆ อย่างดำเนินการได้ด้วยระบบออโตเมชันที่มีเทคโนโลยีคลาวด์ เป็นระบบสนับสนุนการสั่งการ

แม้แต่ลูกค้าของ Tencent Cloud ที่เป็นแพลตฟอร์มช็อปปิ้งออนไลน์ ก็ใช้โซลูชันคลาวด์ และ AI ในการทำ Live Commerce ช่วยให้การไลฟ์ขายสินค้าเป็นไปอย่างราบรื่น เหล่านี้เป็นตัวอย่างของการปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลเพื่อสร้างโอกาส ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสทางธุรกิจของเทนเซ็นต์ และสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของโซลูชันที่สามารถช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้แก่ลูกค้าท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ได้”

คุณกฤตธี ยังเล่าให้ฟังเพิ่มเติมว่า “นอกจากการใช้โซลูชันคลาวด์ ในการขับเคลื่อนธุรกิจแล้ว คลาวด์ และ AI ยังจะเข้ามามีบทบาทในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะในยุคโควิด-19 เช่น นำมาใช้ตอบโจทย์เรื่องความปลอดภัย และสุขอนามัย อย่างระบบ Facial Recognition หรือระบบจดจำใบหน้าผู้ใช้งาน ซึ่งเราได้นำมาใช้ที่สำนักงาน โดยพนักงานไม่ต้องสแกนลายนิ้วมือ แต่จะใช้ระบบสแกนใบหน้าลดการสัมผัส และความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อ ซึ่งเรามีลูกค้าหลายองค์กรที่ใช้บริการนี้ของ Tencent Cloud ด้วยเช่นกัน”

เติบโตต่อไปอย่างมีทิศทาง ทั้ง B2B และ B2C

“เทนเซ็นต์ ประเทศไทย” ไม่เพียงวาง Tencent Cloud เป็นหัวหอกขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้ธุรกิจเท่านั้น แต่ยังวางเป้าหมายกลุ่ม B2C หรือเอนเตอร์เทนเมนต์แพลตฟอร์มไว้ชัดเจนเช่นกัน โดยต้องการสร้าง Ecosystem ของกลุ่มธุรกิจนี้ให้แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งจะเป็นให้ได้มากกว่าแค่คำพูดสวยหรู แต่มีความชัดเจน

ด้วยสถานการณ์ต่างๆ วันนี้พฤติกรรมของผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างเร็ว ทำให้เราหยุดที่การเปิดตัวโปรดักส์เดียวไม่ได้ เราจึงมีแพลตฟอร์มความบันเทิงที่หลากหลาย และครอบคลุมที่สุดในไทย รวมถึงแต่ละแพลตฟอร์มจะต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพื่อตอบพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 เราพบว่าช่วง Work From Home ผู้บริโภคฟังเพลงผ่าน JOOX ลดลง แต่ขณะเดียวกันกลับใช้เวลาบน WeTV เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เราวิเคราะห์พฤติกรรมได้ว่า เมื่อผู้บริโภคไม่ต้องเดินทางก็ฟังเพลงน้อยลง แต่ในทางตรงกันข้ามก็มีเวลาเสพคอนเทนต์ยาวมากขึ้น ทำให้เราเพิ่มคอนเทนต์ยาวใน JOOX และเพิ่มฟีเจอร์สร้างความบันเทิงอื่นๆ เช่น ฟีเจอร์วิดีโอสั้นอย่าง JOOX BUZZ และล่าสุดเปิดตัว JOOX ROOMS ฟีเจอร์ห้องแชตแบบเห็นหน้า ที่จะมาสร้างความสนุกอีกหนึ่งรูปแบบให้กับผู้ใช้งาน”

ความสำเร็จของ “เทนเซ็นต์ ประเทศไทย”

“ณ วันนี้เราภูมิใจกับการเดินทางของทุกแบรนด์ภายใต้เทนเซ็นต์ ประเทศไทย อย่างกลุ่ม News & Portal คงไม่มีใครไม่รู้จัก Sanook.com ส่วนกลุ่ม Entertainment เราช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมบันเทิงได้อย่างยั่งยืน สร้าง Ecosystem ธุรกิจบันเทิงออนไลน์ให้เกิดขึ้นจริง ส่งเสริมให้คนดูคอนเทนต์แบบถูกกฎหมาย ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้กับผู้ผลิตคอนเทนต์ รวมถึงสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์แพลตฟอร์มที่ครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ข่าวสาร เพลง หนัง ซีรีส์ เกม และการ์ตูนออนไลน์ ซึ่งเราจะพัฒนาแพลตฟอร์ม เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ ตลอดจนร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ผลิตออริจินัลคอนเทนต์ดีๆ อย่างต่อเนื่อง ส่วนฝั่งเกมเราพร้อมจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง Ecosystem ให้กับวงการ eSports ทั้งในประเทศไทย และระดับโลกส่วน Tencent Cloud แม้จะเพิ่งเริ่ม แต่ด้วยบริการระบบคลาวด์อัจฉริยะระดับโลกที่มีประสิทธิภาพ มีความยืดหยุ่น และความปลอดภัยสูง รวมถึงมีโซลูชันที่ครบวงจร จึงเชื่อว่าจะได้รับความไว้วางใจจากทุกอุตสาหกรรม และจะมาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย”

นอกจากจะเป็นบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีที่น่าจับตามองแล้ว แนวทางการเคลื่อนไปข้างหน้าขององค์กรอย่างมีทิศทาง ก็ทำให้วันนี้ “เทนเซ็นต์ ประเทศไทย” เป็นหนึ่งในบริษัทที่ดึงดูดใจคนรุ่นใหม่ให้อยากร่วมทำงาน และเติบโตไปกับองค์กร เรื่องนี้ คุณกฤตธี กล่าวว่า คนทำงานที่ลงตัวกับองค์กรอย่างเทนเซ็นต์ ซึ่งเป็นเทคแอนด์เอนเตอร์เทนเมนต์คอมพานี คือคนที่พร้อมเสมอสำหรับการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็ว มองการทำงาน และคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ ต้องมองเห็นเป้าหมายระยะไกล ในขณะที่สามารถสร้างความสำเร็จในระดับพื้นฐานได้ รวมถึงต้องเป็นคนที่ยอมรับว่าตนเองไม่ได้รู้ทุกอย่าง แต่ต้องรู้จักพัฒนาตัวเองในสิ่งที่ไม่รู้ โดยวัฒนธรรมการทำงานอย่างหนึ่งที่สร้างและยึดมั่น คือความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมในผลงาน ซึ่งคุณกฤตธีให้เหตุผลว่า เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างผลงานให้ประสบความสำเร็จมากกว่าการรอรับคำสั่งเพียงอย่างเดียว

พนักงาน ถือเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร เพราะลำพังเพียงเทคโนโลยีที่สุดยอดอย่างเดียว คงไม่สามารถนำพาองค์กรไปให้ถึงฝั่งฝันได้ บุคลากรที่มีศักยภาพต่างหากที่ร่วมขับเคลื่อนสิ่งเหล่านี้อยู่ และเมื่อรวมทั้งสองสิ่งนี้เข้าไว้ด้วยกันอย่างแนบแน่น ก็คงต้องจับตามองกันต่อไปว่า “เทนเซ็นต์ ประเทศไทย” จะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างแข็งแกร่งเพียงใด