ศบค.ชุดใหญ่ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน มีมาตรการควบคุม แคมป์แรงงานและบริษัท มาตรการ Bubble and Seal เน้นย้ำเพิ่มเติมอีก 16 จังหวัดจากเดิม 13 จังหวัด ประเด็นนี้ต้องยอมรับว่า มาตรการล็อกดาวน์แบบเข้มข้น และ นโยบายพาคนกลับบ้าน สวนทางกันในทางปฏิบัติ ทำให้โรคระบาดกระจายไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว มีการพูดกันว่าจะ ใช้อู่ฮั่นโมเดลในการล็อกดาวน์ ในทางปฏิบัติต่างกันชนิดหน้ามือกับหลังมือ
ภาระทั้งหมดจึงตกอยู่กับประชาชน
การแถลงของ ศบค.โดย พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ อ้างว่าการระบาดจะมีการจำกัดอยู่ในโรงงานขนาดกลางและขนาดใหญ่ โดยมีบุคลากรเกิน 500 คน รวมถึงครอบคลุมไปถึงบริษัท แคมป์คนงาน และโรงงานที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อและยังไม่มีการระบาดด้วย โดยหลักการ เน้นจัดกลุ่ม คุมไว ลดการแพร่กระจายและรายได้ไม่สูญเสีย รัฐบาลตระหนักถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะมีการกระจายวัคซีนให้ครอบคลุม กทม. ปริมณฑล และจังหวัดที่มีการระบาดสูงสุด ให้ได้ร้อยละ 50 ของกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ป่วย 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์
ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ในมาตรการและนโยบายที่ย้อนแย้ง
เป็นการผลักภาระให้กับประชาชน เป็นรอบที่สอง เหตุผลที่รัฐเกรงว่าจะกระทบกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่รัฐบาลถังแตกไม่มีเงินจะเยียวยา (ในขณะที่งบประมาณกองทัพและงบโครงการ ขนาดใหญ่ยังไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว) รวมทั้งการฉีดวัคซีนที่กลับระดมไปที่กลุ่มเสี่ยง แต่การเอาคนงานทั้งหมดมาอยู่รวมในแคมป์เดียวกัน โดยไม่มีการระดมฉีดวัคซีน และเยียวยา หรือ ไม่ยอมปิดโรงงาน ก็เท่ากับว่าเป็นการ สร้างแหล่งคลัสเตอร์ใหม่ๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่สะเด็ดน้ำเสียที
แค่การกำหนดนโยบายก็สับสนแล้ว
...
การล็อกดาวน์ที่จะยืดเยื้อไปอีก 14 วัน หรือจนถึงสิ้นเดือน ส.ค.นี้ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย แต่การติดเชื้อ การเสียชีวิต และการปิดกิจการของธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ได้คำตอบสุดท้ายไปเรียบร้อยแล้ว
การให้ร้านอาหารในห้างขายแบบดีลิเวอรีได้ แต่ไม่เปิดแบบ เทกโฮม ก็ประหลาด จู่ๆอาหารที่ชาวบ้านสั่งจะมีขาเดินเองไปถึงบ้านลูกค้าได้หรือไม่ ก็ต้องผ่านไรเดอร์ แล้วไรเดอร์ เฉพาะใน กทม. มีจำนวนเป็นดอกเห็ด แล้วไรเดอร์ ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้รับวัคซีน สุดท้ายแล้วถ้าห้ามเดินทางออกจากเคหสถานโดยไม่จำเป็น งดบริการขนส่งข้ามจังหวัด
ประเทศไทยมี 77 จังหวัด คนไทยมีกว่า 70 ล้านคน จะเอาอะไรมาเป็นมาตรฐาน
ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ การเข้าถึงระบบสาธารณสุข การเข้าถึงวัคซีน ไฟเเซอร์ 1,503,450 โดส จากอเมริกา แอสตราเซเนกา อีก 415,040โดส จากอังกฤษ ชุดตรวจหาเชื้อแบบเร่งด่วน และเครื่องช่วยหายใจ 102 เครื่อง จากสมาพันธ์สวิส แอสตราเซเนกาจากญี่ปุ่นอีก 1 ล้านโดสที่จะมาจากการบริจาคของรัฐบาลญี่ปุ่น เงื่อนไขการกระจายวัคซีนเข็มที่ 3 ไปยังบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า คนไทยก็ยังหวาดระแวงว่า การจัดสรรโควตาเป็นธรรมหรือไม่ เฮ้อ.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th