เป็นไปตามคาด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผอ.ศบค. สั่งขยายล็อกดาวน์พื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด (กทม.+12 จ.) ออกไปอีก 14 วัน และ เพิ่มจังหวัดสีแดงเข้มอีก 16 จังหวัดเป็น 29 จังหวัด ลดพื้นที่สีแดงเหลือ 37 จังหวัด สีส้ม 11 จังหวัด พื้นที่สีเหลืองสีเขียวไม่เหลือแม้แต่จังหวัดเดียว สะท้อนถึงความล้มเหลวในการรับมือการระบาดของโควิด-19 ของ รัฐบาลประยุทธ์ จนเสียงขับไล่ให้ออกไปดังกึกก้องขึ้นเรื่อยๆ
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ รองโฆษก ศบค.ทำหน้าที่แถลงข่าวนี้ว่า ที่ประชุม ศบค.จะพิจารณาสถานการณ์อีกครั้งในวันที่ 18 ส.ค. ถ้าไม่ดีขึ้นอาจขยายการล็อกดาวน์ออกไปถึง 31 ส.ค. และ ความหายนะทางเศรษฐกิจสังคมและชีวิตประชาชน จะตามมามากมาย
ที่น่าเป็นห่วงมากก็คือ การล็อกดาวน์ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตกลับเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ ผมลองไปสังเกตการณ์ รถยนต์ยังแน่นถนน ประชาชนยังเดินทางกันมากมาย กลุ่มเสี่ยงยังต้องเดินทางไปฉีดวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อเป็นหมื่น ล็อกดาวน์แบบนี้ลดความเสี่ยงไม่ได้ คนที่กักตัวในบ้าน กักตัวในชุมชน ก็ร้องกันระงม ส่วนใหญ่ไม่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ ที่รัฐบาลรับปากว่าจะส่งไปให้ถึงบ้าน โทร.ตามก็หายจ้อย
รพ.สนามธรรมศาสตร์ โพสต์ลงเฟซบุ๊ก 1 ส.ค. ระบุว่า สภาเภสัชกรรม ซึ่งเป็นผู้ประเมินความต้องการใช้ยาที่น่าเชื่อถือมากที่สุด ได้ออกแถลงการณ์เตือนมา หากผู้ป่วยใหม่อยู่ในระดับนี้ และมีนโยบายให้เข้าถึงยาอย่างรวดเร็วตามที่ สธ.กำหนด เราต้องใช้ยาถึงวันละ 1 ล้านเม็ด (ผู้ป่วยหนึ่งคนใช้ยา 50 เม็ด) และภายในสัปดาห์หน้าประเทศจะขาดยา Favi อย่างแน่นอน เราหวังว่า รัฐบาลจะตัดสินใจเรื่องนี้อย่างเร็วที่สุด และการตัดสินใจว่าจะไม่ตัดสินใจ ก็จะต้องมีคำอธิบายที่ดีสำหรับประชาชนด้วยนะ
...
รศ.ดร.นวลจันทร์ สิงห์คราญ อาจารย์คณะสิ่งแวดล้อมฯ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกแบบจำลอง คาดการณ์แนวโน้มการติดเชื้อโควิด-19 ของไทยพบว่า ถ้าคุมไม่ได้ มีแนวโน้ม 75% จะเกิดพีกในกลางเดือนสิงหาคม ดังนี้ 1.จำนวนผู้ติดเชื้อ 44,112 คน ในช่วง 16-17 ส.ค. 2.จำนวนผู้ติดเชื้อ 39,458 คน ในวันที่ 16 ส.ค. 3.จำนวนผู้ติดเชื้อ 34,813 คน ในวันที่ 15 ส.ค. 4.จำนวนผู้ติดเชื้อ 30,191 คน ในวันที่ 13 ส.ค. 5.จำนวนผู้ติดเชื้อ 25,616 คน ในวันที่ 12 ส.ค. หากคุมสถานการณ์ได้ จำนวนผู้ติดเชื้อในจุดพีกจะต่ำกว่าคาดและเกิดช้าลง การเร่งฉีดวัคซีนให้ได้ 40-50% ของประชากร จะทำให้ผู้ติดเชื้อลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แม่นไม่แม่นสัปดาห์หน้าก็รู้
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการสูบบุหรี่ ส่งข้อมูลมาให้ผมว่า ได้ข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการจาก รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล นายกสมาคมอุรเวชช์ฯ หนึ่งในแม่ทัพด่านหน้าที่รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ว่า
โดยเฉลี่ยผู้ติดเชื้อโควิด 100 คนจะแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ (1) 50 คนจะเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว ในจำนวนนี้ 20 คนจะไม่มีอาการ 30 คนจะมีอาการเล็กน้อย และหายเอง (2) 30 คนจะเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง มีอาการไอแต่ไม่รุนแรง อาจมีลงปอดบ้าง กลุ่มนี้อยู่ รพ.สนามหรือดูแลที่บ้านได้ (3) 20 คนจะเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีแดง ต้องอยู่โรงพยาบาล คนไข้กลุ่มนี้ 5 คนจะมีอาการหนักมาก ในกลุ่มที่มีอาการหนักมาก 2 ใน 5 จะต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และสุดท้าย 1 ใน 2 คนที่ใส่เครื่องช่วยหายใจจะเสียชีวิต โดยสรุป คือ ผู้ป่วยโควิด 100 คนจะมี 1 คนเสียชีวิต ตามสถิติในขณะนี้
ใน 100 คนที่เสียชีวิต 80 คนมีอายุเกิน 60 ปี กับ 7 โรคเสี่ยง อีก 20 คน ได้รับเชื้อมากโรครุนแรง รับการรักษาช้า ส่วนใหญ่ 50-60 ปี ผู้สูบบุหรี่จะป่วยหนักเสียชีวิตมากกว่าไม่สูบ
คุณหมอบอกว่า เอาสถิติมาให้ดู เพื่อไม่ให้กังวลและเครียดมากเกินไป ความเครียดอาจทำให้โรครุนแรงขึ้นได้ ลองเอาสถิติไปดูกันนะครับ โอกาสหายมีถึง 80% ถ้ามียาพอ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”