“จะทำอย่างไรให้ประชาชนต้องไม่เกิดความหวาดระแวงภัยอาชญากรรม ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเดินคนเดียวได้อย่างสบายใจบนถนนตอนกลางคืน” คำกล่าวของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.
เหมือนเป็นการจุดประกายความหวังของผู้คนที่หวาดกลัวกับคดีอาชญากรรม “ลัก-จี้ชิง-ปล้น” ซึ่งเป็นมหันตภัยอยู่ใกล้ตัว แต่หลายคนยังมองไม่ออกกับสิ่งที่ ผบ.ตร.พูดไว้ จะเป็นไปได้จริงหรือเป็นแค่ความฝัน
คนยังมองภาพไม่ออก
พล.ต.อ.สุวัฒน์ เริ่มต้นจัดทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการสืบสวนและป้องกันปราบปรามอาชญากรรมโดยใช้ระบบ “กล้องโทรทัศน์วงจรปิดไร้สาย” ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ระยะที่ 1 เริ่มตั้งแต่เดือน พ.ย.2563 จนเสร็จสิ้นโครงการเมื่อเดือน มิ.ย. 2564 ในพื้น บช.น. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. สานต่อตามแนวคิดของ ผบ.ตร. หาความร่วมมือหน่วยงานเอกชนติดตั้ง “กล้องวงจรปิด” ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ไม่กี่เดือนคนเริ่มได้เห็นประสิทธิภาพของ “กล้องวงจรปิดไร้สาย” เข้ามาช่วยดูแลความปลอดภัยคนในพื้นที่กรุงเทพฯ มีส่วนในการรักษาความสงบเรียบร้อย ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
ช่วยปิดคดีสำคัญมากมาย
ด้วยความเชี่ยวชาญงานสืบสวน และความถนัดในการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีที่ทันสมัยของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ เข้ามาเสริมเขี้ยวเล็บในงานสืบสวน และป้องกันปราบปรามคดีอาชญากรรมของตำรวจทุกพื้นที่
ผลสำเร็จเป็นอย่างดีของโครงการนี้ทำให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ต่อยอดจัดทำ โครงการในระยะที่ 2 จะติดตั้ง “กล้องวงจรปิดไร้สาย” เพิ่มเติมอีกกว่าหมื่นตัว
ปูพรมปิดตายช่องว่าง อันเป็นบ่อเกิดแห่งอาชญากรรม
...
มีแนวคิดเสริมในโครงการ “ฝากกล้องกับตำรวจ” ที่จะติดตั้งกล้องให้กับบ้านพักอาศัยของผู้สนใจโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และพัฒนากล้องวงจรปิดให้มีความฉลาดด้วยปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่วิเคราะห์บุคคลตามหมายจับ แผ่นป้ายทะเบียนรถ และแจ้งเตือนกรณีเกิดเหตุอาชญากรรม พบวัตถุต้องสงสัยได้อัตโนมัติ
ผ่านระบบบริหารจัดการกล้องวงจรปิด หรือ Video Management System ที่เชื่อมโยงกล้องวงจรปิดทุกตัว ทั้งของภาครัฐและเอกชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเริ่มทดลองโครงการในสถานีตำรวจนครบาลต้นแบบ 3 แห่ง ก่อนขยายโครงการไปสู่สถานีตำรวจอื่นๆ ครอบคลุมทั่วประเทศ
ท่ามกลางกระแสโลกาภิวัตน์ที่ขับเคลื่อนด้วย “สื่อสังคมออนไลน์” และเทคโนโลยีอันทันสมัย ตำรวจในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญของรัฐ
ที่ต้องหมุนตามให้ทัน.
“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th