ชุดสืบสวน “ปอท.” ลุยคลี่คลายคดีแก๊งขายวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ ตะลึงพบรายชื่อผู้ซื้อวัคซีนกว่า 1 พันคน ถูกพิมพ์เตรียมไว้แล้วคีย์เข้าระบบรับวัคซีนในคราวเดียว เร่งตามตัวแอดมินระบบมาสอบสวนเพื่อคลายข้อสงสัย ส่วนการติดตามเส้นทางการเงินพบชื่อบัญชีผู้รับโอนเงินซื้อวัคซีนแล้ว กำลังตามว่าเงินถูกโอนไปที่ไหนบ้าง เพื่อให้เห็นภาพผู้ร่วมขบวนการทั้งระบบ “พญ.มิ่งขวัญ” แฉแหลก มีผู้ซื้อวัคซีนไม่น่าจะต่ำกว่า 1 หมื่นคน ขบวนการเริ่มก่อเหตุขายวัคซีนตั้งแต่หลัก 10 คนต่อวัน ต่อมาเหิมยัดชื่อขายฉีดวัคซีนวันละหลายร้อยคน เชื่อมั่นไม่มีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นผู้แจ้งให้ตรวจสอบความผิดปกติ วันที่ 28 ก.ค. ร่วมกับตำรวจล็อกตัวผู้ซื้อวัคซีนกว่า 300 คน ต่อรองให้เผยข้อมูลแลกไม่ดำเนินคดี พบโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร 5 บัญชีส่งตำรวจตรวจสอบเส้นทางการเงินเชื่อเจอผู้บงการแน่

ความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายกรณีมือมืดแอบนำโควตาฉีดวัคซีนของสถานีกลางบางซื่อ ไปขายให้ประชาชนนับพันคนเข็มละ 500-1,000 บาท เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 ส.ค. พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ ผบก.รฟ.เผยว่า ขณะนี้กำลังเร่งประสานขอความร่วมมือกับหมอที่สถานีกลางบางซื่อ เพื่อเชิญตัวมาสอบปากคำเป็นพยาน รวมทั้งขอรายชื่อผู้ฉีดวัคซีนสวมสิทธิ์ทั้งหมดในช่วงวันเวลาเกิดเหตุว่ามีใครบ้าง จำนวนเท่าไหร่ เพื่อ เจ้าหน้าที่จะได้เรียกตัวมาสอบปากคำ หาที่มาที่ไปของขบวนการสวมสิทธิ์ครั้งนี้

“เบื้องต้นเชื่อว่ามีการทำกันเป็นขบวนการ วางงานกันมาอย่างดี ทั้งนี้จากการสอบปากคำผู้ดูแลยูสเซอร์ทั้ง 11 คน ต่างให้การปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังประสานเรียกแอดมินเพจที่ดูแลระบบ มาสอบปากคำเรื่องการลงทะเบียนฉีดวัคซีนเกินกว่าจำนวนที่กำหนด ว่ามาได้ยังไง ขณะนี้พนักงานสอบสวนจะเร่งสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องให้ได้มากที่สุด” ผบก.รฟ.กล่าว

...

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสืบสวนคลี่คลายคดี ขณะนี้ชุดสืบสวน บก.ปอท.เร่งมือตรวจสอบทางเทคนิคด้านการลงทะเบียนเข้ารับวัคซีนของขบวนการดังกล่าว พบว่ามีความผิดปกติอย่างมาก เพราะรายชื่อผู้จ่ายเงินซื้อวัคซีนกว่า 1,000 คนถูกพิมพ์เรียงไว้ทั้งหมดแล้วคีย์ยัดเข้าไปในระบบทีเดียวเป็นลอตใหญ่ ไม่ได้คีย์รายชื่อเข้ารับวัคซีนเป็นรายคนเหมือนปกติ ทำให้ชุดสืบสวน บก.ปอท.กำลังเร่งติดตามตัวแอดมินระบบเข้ารับวัคซีนมาสอบสวนเพื่อคลี่คลายข้อสงสัยเป็นการด่วน นอกจากนี้ชุดสืบสวน บก.ปอท.อีกชุด ยังติดตามเส้นทางการโอนเงินจ่ายค่าวัคซีนที่ถูกเรียกเก็บหัวละ 500-1,000 บาทแล้ว ปรากฏชื่อบัญชีธนาคารที่รับโอนเงินหลายบัญชี กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานความเชื่อมโยงกับตัวละครที่คีย์รายชื่อเข้ารับวัคซีน และติดตามต่อว่าเงินถูกถ่ายโอนไปอยู่ที่ใครบ้าง เพื่อให้เห็นภาพใหญ่ของทั้งขบวนการ

ที่สถานีกลางบางซื่อเวลา 10.30 น. พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ฐานะผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ กล่าวว่า เริ่มเห็นความผิดปกติการลงทะเบียนฉีดวัคซีนที่สถานีกลางตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวทางศูนย์เปิดฉีดวอล์กอินให้เฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ ส่วนการให้สิทธิ์หน่วยงานองค์กรที่ส่งชื่อมาเหลือเพียงกระทรวงการต่างประเทศเพียง 200-300 คนต่อวันเท่านั้น เมื่อเห็นความผิดปกติจึงตรวจสอบพบจำนวนสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นหลักสิบคน แต่มาเพิ่มเป็น 2,000 กว่าคนช่วงวันที่ 28-31 ก.ค. รวมสวมสิทธิ์ช่วง 4 วันดังกล่าวประมาณ 7,000 คน ประสานตำรวจไซเบอร์ ตำรวจรถไฟ และเจ้าหน้าที่กรมการ แพทย์วางแผนจับกุมวันที่ 28 ส.ค. มีผู้สวมสิทธิ์เข้ามาฉีด 600 คน จับกุมและกันตัวเป็นพยาน 300 กว่าคน ทุกคนได้ฉีดวัคซีน แลกเปลี่ยนการให้ข้อมูลรายละเอียดถึงเส้นทางการได้สิทธิ์ฉีดวัคซีน บ้างมาจากเพื่อน บ้างติดต่อทางไลน์ บ้างติดต่อเจ้าหน้าที่ เสียค่าใช้จ่าย 400-1,200 บาทต่อคน หากเฉลี่ยคนละ 1,000 บาท 7,000 คน มูลค่าความเสียหาย 7 ล้านบาท ขณะนี้ตรวจสอบพบมีการซื้อขายสิทธิ์ฉีดวัคซีนยาวไปถึงวันที่ 8 ส.ค. น่าจะมีผู้ซื้อคิวไม่ต่ำกว่า 10,000 คน

“สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นเรื่องของการแฮ็กข้อมูลเข้าระบบของสถาบันโรคผิวหนังหรือเครือข่ายมือถือ แต่เป็นเรื่องของช่องโหว่ที่เปิดสิทธิ์คิวฉีดให้องค์กรและกลุ่มต่างๆผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ส่วนนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากค่ามือถือต่างๆนำกลุ่มจิตอาสาค่ายมือถือว่าจ้างมาช่วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดกับพื้นที่ที่เป็นส่วนของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือทรู ปกติจะมีเจ้าหน้าที่กรมการแพทย์และสถาบันโรคผิวหนังเดิมที่ทำหน้าที่อัปโหลดข้อมูล 10 คน ช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากมีคนจำนวนมากจึงให้กลุ่มจิตอาสาเหล่านี้มาช่วย ก่อนหน้านั้นจะทำกันจนถึงเวลา 22.00 น. พอช่วงหลังมีคิวจากองค์กรน้อยลง ทำให้การอัปโหลดข้อมูลเสร็จเร็วขึ้น ปรากฏว่ามีความผิดปกติว่าบางวันยังมีการอัปโหลดข้อมูลถึงเวลา 22.00 น. จึงวางแผนจับกุม” พญ.มิ่งขวัญกล่าว

พญ.มิ่งขวัญกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับค่ายมือถือ เนื่องจากกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมนี้เป็นเพียงลูกจ้างที่เข้ามาช่วยงาน และยังไม่ถือว่าเป็นผู้กระทำผิด เพราะต้องสอบสวนหาผู้บงการใหญ่กว่านี้ คนที่ทำพฤติกรรมนี้ต้องเข้าใจและรู้ระบบการทำงาน พบความผิดปกติ 11 ยูสเซอร์เนม จาก 19 ยูสเซอร์เนม และมีความผิดปกติหนักใน 4 ยูสเซอร์เนม ที่อัปโหลดข้อมูลสิทธิของคนฉีดมากกว่า 400-500 คนต่อวัน ทั้งยังพบพฤติกรรมวางแผนนัดหมายให้เข้ามาเฉพาะประตู 4 เป็นพื้นที่ของค่ายทรูเท่านั้น หากมีใครสอบถามให้ตอบเหมือนกันทั้งหมด ส่วนใหญ่คนที่สวมสิทธิเป็นคนในพื้นที่ กทม. คาดว่าไม่นานตำรวจจะจับตัวผู้บงการได้และสาวถึงขบวนการ เพราะมีไอพีแอดเดรส และ 5 บัญชีที่โอนเงิน สามารถสอบเส้นทางการเงินได้อย่างชัดเจน ขณะนี้ศูนย์ฯป้องกันและปิดช่องโหว่ของข้อมูล สั่งการให้ปิดระบบและคอมพิวเตอร์ทั้งหมดตั้งแต่ 18.00 น. ไม่ค้างไว้ข้ามคืน ผู้ที่เปลี่ยนแปลงข้อมูลการลงทะเบียนต่างๆจะไม่ใช่จิตอาสาอีกต่อไป แต่เป็นเจ้าหน้าที่กรมการแพทย์เท่านั้น

...

พญ.มิ่งขวัญกล่าวว่า ส่วนการทุจริตเรื่องวัคซีนจะมีเจ้าหน้าที่กรมการแพทย์เกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องรอการสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นมีผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ประมาณ 19 คน อิงจากจำนวนยูสเซอร์เนม ยังคงเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ เพราะผู้จับพิรุธเรื่องนี้เป็นเจ้าหน้าที่กรมฯมารายงานและได้วางแผนจับกุม