รพ.ธรรมศาสตร์ ถาม ครม.ไปไหน หลังผู้ป่วยโควิดเสียชีวิตเป็นใบไม้ร่วง ชี้สถานการณ์ตอนนี้ฉุกเฉินที่สุดแล้ว ต่อไปความกดดันมหาศาล จะตกอยู่กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าทุกโรงพยาบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กโดยระบุว่า วันเสาร์ที่ 31 ก.ค. วันที่ 112 ของโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ และวันที่ 51 ของศูนย์รับวัคซีนธรรมศาสตร์รังสิต ผู้ป่วยใหม่รายวัน และผู้เสียชีวิตจากโควิดทำสถิติใหม่ที่ 18,912 ราย และ 178 คนตามลำดับ เราไม่เคยมาที่ตัวเลขระดับนี้มาก่อน แต่ก็คงต้องเตรียมตกใจมากขึ้นกับตัวเลขใหม่วันพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไปอีก

คนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง ริมถนน ในบ้าน หรือทุกๆ ที่ โดยไม่ได้รับการดูแลช่วยเหลือ ทุกคนหวั่นเกรงการระบาดและกลัวติดเชื้อ ระบบสายด่วนขอความช่วยเหลือทุกเลขหมายทำอะไรให้ผู้ป่วยไม่ได้ เพราะเตียงในโรงพยาบาลก็ล้นเต็ม ER ทุกแห่งมีเตียงผู้ป่วยและถังออกซิเจนล้นมาอยู่บนทางเท้าหรือที่จอดรถ การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมาเกือบสองปี แต่สถานการณ์วันนี้คือฉุกเฉินที่สุดแล้ว

ครม.ไปไหน บริหารประเทศกันโดย WfH และ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์กันทุกวันอังคารบ่ายเหมือนที่เป็นมาทุกๆ สัปดาห์ มีใครบ้างไหมที่มีส่วนรับผิดชอบ ในการกำหนดนโยบายที่ลงไปดูหน้างานใน รพ.ที่อยู่แค่ปลายจมูกในกทม. ว่าแพทย์และพยาบาลในห้องฉุกเฉินของ รพ.ทุกแห่งเขาขาดอะไร เขาต้องการอะไรเพิ่ม ช่วยแก้ปัญหาวันนี้พรุ่งนี้ให้เขา 

ความจริง มันไม่ได้เป็นปัญหาของแพทย์พยาบาล เพราะพวกเขาทำกันจนเต็มที่ ทำกันจนหมดหนทางที่จะทำต่อแล้ว ทำได้แค่ปาดเหงื่อ นั่งพัก แล้วก็หยุดทำ เพราะทำอะไรต่ออีกไม่ได้แล้ว แต่ที่จะสูญเสียทับถมลงไปเรื่อยๆ คือชีวิตของผู้คนธรรมดา แต่เป็นพ่อ แม่ ญาติสนิทอันเป็นที่รักและมีความหมายต่อครอบครัวของเขา เราจะเพิกเฉย ละเลยต่อการสูญเสียชีวิตของผู้คนมากมายในแต่ละวันอย่างนี้ไปอีกนานเท่าไหร่

...

ทั้งนี้ อยากให้นายกรัฐมนตรีตั้งวอร์รูม เรียกประชุมทุกเช้ากับรัฐมนตรี และปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ รับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นใน 24 ชม.ที่ผ่านมา และสั่งการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ชัดเจนในแต่ละเรื่อง แต่ละปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ใช่สั่งลอยๆ ให้ทุกฝ่ายไปคิดหาวิธีแก้ปัญหามาให้อย่างที่เคยทำ เรามีนายกรัฐมนตรีไว้เพื่อสั่งการ เพื่อตัดสินใจ และเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติของชาติ

จากวันนี้ไป เมื่อผู้ป่วยแตะ 20,000 หรือมากกว่านั้น ภาระและความกดดันมหาศาลจะตกอยู่กับแพทย์พยาบาลด่านหน้าในทุกๆ โรงพยาบาล ที่จะต้องรับภาระในการช่วยชีวิตผู้ป่วยที่หลั่งไหลเข้ามาจนเต็มล้น และต้องรับความกดดันจากความคาดหวังจากผู้ป่วยและญาติ ในเงื่อนไขการทำงานที่ยากลำบากที่สุด โดยได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือน้อยมากจากระบบสาธารณสุข ที่แทบไม่เหลือพลังจะไปประคับประคองหน่วยใดได้อีก มีแต่ใจและความรักในเพื่อนมนุษย์เท่านั้น ที่ทำให้ระบบโรงพยาบาลของเรายังยืนอยู่ต่อไปได้ ถ้ามาให้กำลังใจพวกเราไม่ได้ ก็ช่วยสวดมนต์ให้พวกเราเข้มแข็งต่อไป.