“สถานการณ์ของประเทศกำลังเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด–19 แต่ตำรวจต้องทำหน้าที่ภายใต้ข้อจำกัดนี้ให้ได้อย่างดีที่สุด นอกจากนั้นการทำหน้าที่ในภาวะวิกฤติเช่นนี้ แม้ว่าหน้าที่บางอย่างอาจจะไม่ได้เป็นหน้าที่ของตำรวจโดยตรง แต่อะไรก็ตามที่เราพอจะใช้ทรัพยากรและกำลังพลที่เรามีอยู่ในการแบ่งเบาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เราก็ต้องทำอย่างดีที่สุดให้ประ-ชาชนรู้สึกว่าตำรวจเป็นที่พึ่งได้” ข้อสั่งการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ในการประชุมบริหารระดับ ตร. เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความรู้สึก และแนวทางการทำงานของ ผบ.ตร.ได้เป็นอย่างดี
พร้อมขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาลในการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะการดูแลพี่น้องประชาชนในสถานการณ์ที่ยากลำบาก บางอย่างไม่ใช่หน้าที่ตำรวจ และอยู่ในสภาพทรัพยากรจำกัด

ทุกหน้างานของตำรวจมีความเสี่ยง มีตำรวจติดเชื้อโควิด-19 หลายนาย ลามไปถึงครอบครัว คนใกล้ชิด แต่ด้วยภารกิจตำรวจต้องออกมายืนเคียงข้างประชาชน พร้อมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในทุกมิติ
...
พล.ต.อ.สุวัฒน์กำชับผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยให้ติดตามดูแลเอาใจใส่ตำรวจที่ติดเชื้อโควิด–19 อย่าปล่อยให้ตำรวจและครอบครัวโดดเดี่ยว คนเป็นนายต้องลงไปดูแลความเป็นอยู่ของลูกน้อง
ผบ.ตร. แบ่งงานมอบ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานมั่นคง การตั้งจุดตรวจจุดสกัด จำกัดการเคลื่อนย้ายที่ การปราบปรามแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานบริหาร พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. ดูแลภาพรวมกำลังพลตำรวจ

การเยียวยา บรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องคนไทยเวลานี้ ผู้ป่วยขาดเตียง ไม่มีโรงพยาบาลรองรับผู้ป่วยติดเชื้อ ขอความช่วยเหลือไปบางหมายเลขติดต่อไม่ได้ ไม่มีหน่วยงานรัฐลงมาช่วยเหลือ บางรายอยากจะกลับบ้านเกิดภูมิลำเนา ไม่มีรถ ทุกอย่างดูเหมือนมืดมนไปหมด ในสถานการณ์ไวรัสระบาด คนไทยใช้ชีวิตลำบาก
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กำหนดสายด่วน 191 อีกช่องทางหนึ่งเสริมกับสายด่วนหลักของหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรง รับแจ้งกรณีผู้ป่วยติดเชื้อตลอด 24 ชั่วโมง เร่งจัดตั้ง รพ.สนามชั่วคราวที่ รพ.ตำรวจ ขนาด 100 เตียง รองรับผู้ป่วยติดเชื้อ จัดตั้ง รพ.สนาม ที่สโมสรตำรวจ รองรับผู้ป่วยได้ถึง 200 เตียง และจัดตั้ง Hospital ดูแลผู้ป่วยอีก 200 เตียง และ รพ.สนาม ศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจกลาง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
กำชับภารกิจเร่งด่วนให้ตำรวจเข้ามาช่วยเหลือรับส่งผู้ป่วยติดเชื้อส่งต่อไปที่ รพ.สนาม สถานพยาบาล และศูนย์พักคอย ผบ.ตร.สั่งให้หน่วย ตำรวจทุกพื้นที่จัดยานพาหนะของราชการ พร้อมกำลังพลที่มี “จิตอาสา” ทำหน้าที่พลขับ และอำนวยความสะดวกในการรับส่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปรักษาให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว

สำหรับในพื้นที่กรุงเทพฯ รพ.ตร. โดยศูนย์ส่งกลับได้ปฏิบัติภารกิจรับส่งผู้ป่วยโดยตลอด ตั้งแต่เชื้อแพร่ระบาด มีการปรับปรุงพื้นที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน 14 แห่ง ทั่วประเทศตามแนวชายแดนที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นสถานที่กักกันเฉพาะองค์กรสำหรับกักกันโรค เพื่อเข้าสู่การคัดกรองและควบคุมโรคติดเชื้อ โดยมีจำนวนผู้ต้องกักสะสมตั้งแต่ พ.ค.-ก.ค. จำนวน 1,600 กว่าคน ปัจจุบันเหลือผู้ต้องกัก 200 กว่าคน
นอกจากการดูแลประชาชน พล.ต.อ.สุวัฒน์ให้ความสำคัญตำรวจผู้ที่ทำงานสุ่มเสี่ยงติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายสืบสวน ฝ่ายป้องกันและปราบปรามและฝ่ายสอบสวน ให้ทำงานอยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยควบคู่กันไป และจะต้องมีเครื่องป้องกันตัว รักษาระยะห่างทางสังคม รวมทั้งปฏิบัติตามข้อ กำหนดของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด กรณีกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ หากอุปกรณ์ไม่เพียงพอ ให้ ขอรับการสนับสนุนจากสำนักงานส่งกำลังบำรุง
...
ได้ทันทีหากผู้ใต้บังคับบัญชาติดเชื้อโควิด-19 ผู้บังคับบัญชาจะต้องเข้าไปดูแลและช่วยเหลือตามสมควร จะปล่อยให้ลูกน้องถูกทอดทิ้งไม่ได้ ผบ.ตร.เน้นกำชับให้ผู้บังคับบัญชาลงไปสำรวจพื้นที่แยกกักรักษาตัวที่บ้าน เพื่อรองรับตำรวจที่มีอาการป่วยเป็นสีเขียว และขอรับการสนับสนุนวัสดุ เวชภัณฑ์ จากโรงพยาบาลตำรวจได้
ผบ.ตร.ลงพื้นที่ กทม.ร่วมกับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. แจกถุงยังชีพ หน้ากากอนามัย เวชภัณฑ์ให้ตำรวจและครอบครัว ประชาชนที่กักตัวในพื้นที่เสี่ยง
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวว่า “สถานการณ์วิกฤตินี้เป็นหน้าที่ของตำรวจทั่วโลก ตำรวจหยุดทำหน้าที่ไม่ได้ ต้องฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันตนเองและครอบครัว ต้องรู้วิธีทำให้ปลอดภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะจัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติด่านหน้า โดยขอรับการสนับสนุนวัคซีนจากรัฐบาลได้รับการจัดสรรไม่ได้พิเศษกว่าคนอื่นหรือไม่ได้รับก่อนบุคลากรทางการแพทย์ แม้ปัจจุบันเจ้า-หน้าที่ตำรวจติดโควิด–19 กว่า 500 คน จึงกำชับให้ผู้บังคับบัญชาไม่ต่ำกว่า ผกก.บริหารจัดการกำลังพลที่เจ็บป่วยให้เข้าถึงระบบสาธารณสุขให้ได้ ถ้าแก้ไขปัญหาไม่ได้ ระดับ ผบก.และ ผบช. ต้องลงไปดูแลให้ความช่วยเหลือ ทั้งข้าราชการตำรวจและครอบครัว ต้องไม่มีตำรวจคนไหนโดนทิ้ง ขอให้ทำงานเพื่อประชาชนให้ประสบความสำเร็จแล้วปลอดภัย ภายใต้มาตรการป้องกัน สูงสุด เราต้องอยู่กับเรื่องนี้ไปอีกนาน อะไร ผิดพลาดเราต้องนำไปเป็นบทเรียน”

...
ภารกิจหนักของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ผู้นำองค์กรสีกากีในสถานการณ์เชื้อแพร่ไวรัสร้ายระบาดหนัก คนป่วยคนตายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ คนที่เดือดร้อนเรื่องปากท้อง เป็นอีกงานที่ต้องอาศัยกำลังตำรวจเข้ามาช่วยเหลือดูแลประชาชนในสภาวะความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสร้ายแรง แต่ตำรวจทุกคนยังหยุดทำงานไม่ได้
ผบ.ตร.กำชับให้ตำรวจยึดมั่นในหน้าที่ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” อยู่เคียงข้างไม่ทอดทิ้งประชาชน และกำชับให้ “นาย” ดูแลไม่ทอดทิ้งลูกน้องตำรวจและครอบครัว ที่ต้องทำงานเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19
บทบาทของ ผบ.ตร. ที่ไม่เคยทอดทิ้งลูกน้องและประชาชน.
ทีมข่าวอาชญากรรม