• สัดส่วนผู้ที่ได้รับวัคซีน หากเทียบกับประชากรทั้งประเทศ และการเลื่อนฉีดวัคซีนของ "ไทยร่วมใจ" ปฏิเสธไม่ได้ว่า การจัดสรรวัคซีนมีปัญหา
  • ไทยไม่ร่วมโคแวกซ์ 2564 แต่ยังมีความช่วยเหลือจากนานาชาติ
  • มิตรประเทศ ประกาศส่งวัคซีนช่วยเหลือ รวมเกือบ 5 ล้านโดส ทยอยส่งมาไทย รวมถึงเวชภัณฑ์ด้วย


ตามรายงานสรุปผลการฉีดวัคซีนโควิด-19 วันที่ 28 ก.ค. พบว่า ขณะนี้มีประชาชนที่ได้รับวัคซีนตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 64 แล้ว จำนวน 16,591,329 โดยแบ่งเป็นผู้ที่ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 12,858,570 และผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว จำนวน 3,732,759 


ทั้งนี้ หากดูจากสัดส่วนของผู้ที่ได้รับวัคซีนกับประชากรทั้งประเทศแล้ว บวกกับการเลื่อนการฉีดวัคซีนของผู้ที่ลงทะเบียน "ไทยร่วมใจ" จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า การจัดสรรวัคซีนมีปัญหา ในขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศ ดูเหมือนจะยังไม่สามารถควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้ เมื่อดูจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ผู้เสียชีวิตประจำวัน และสถานการณ์การบริหารจัดการเตียง ที่ไม่เพียงพอ

ซึ่งนอกจาก "ซิโนแวค" แล้ว ไทยยังมี "แอสตราเซเนกา" เป็นวัคซีนหลักของประเทศอีกตัวหนึ่ง โดยก่อนหน้านี้ บริษัทแอสตราฯ ส่งหนังสือชี้แจงจากปัญหาการจัดส่งวัคซีนแอสตราเซเนกา ที่ผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ในประเทศไทย ซึ่งกระบวนการผลิตที่มีข้อจำกัด ทำให้ส่งมอบวัคซีนได้ 5-6 ล้านโดสต่อเดือน

...



อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีน ก็ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องทุกวัน ซึ่งนอกจากวัคซีน ที่ไทยจัดหาซื้อมาเองแล้ว ยังมีวัคซีนอีกส่วนหนึ่งที่ได้รับการบริจาคจากต่างชาติ รวมถึงความช่วยเหลือด้านอื่นๆ อาทิ

- วัคซีนซิโนแวค จากสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 1 ล้านโดส (ส่งมอบครบแล้ว เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.64)

- วัคซีนแอสตราเซเนกา จากประเทศญี่ปุ่น จำนวน 1.05 ล้านโดส (ส่งมอบแล้วเมื่อวันที่ 12 ก.ค.64)

- สมาพันธรัฐสวิส บริจาคเวชภัณฑ์ทั้งหมดรวม 26 ตัน โดยเป็น Rapid Antigent Test Kits หรือชุดตรวจโควิดเร่งด่วน จำนวน 1.1 ล้านชุด เครื่องช่วยหายใจ (Ventilator) จำนวน 102 เครื่อง มูลค่า 9 ล้านฟรังก์สวิส หรือประมาณ กว่า 300 ล้านบาท ซึ่งมาถึงไทยแล้วเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (29 ก.ค.)

วัคซีนไฟเซอร์ จากสหรัฐอเมริกา จำนวน 1.5 ล้านโดส (คาดถึงประเทศไทย 30 ก.ค.)

วัคซีนแอสตราเซเนกา จากสหราชอาณาจักร จำนวน 415,000 โดส (คาดถึงไทยอีก 1-2 สัปดาห์)

วัคซีนโควิด-19 จากสหรัฐอเมริกา เพิ่มเติมอีก 1 ล้านโดส ซึ่ง พันโทหญิง ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เชื้อสายไทย ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ออกมาเปิดเผยว่า สหรัฐฯ เตรียมส่งวัคซีนโควิด-19 ให้ไทยทั้งสิ้น 2.5 ล้านโดส โดยจัดส่งชุดแรกให้เป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านโดส ซึ่งจะถึงประเทศไทย 30 ก.ค.นี้


ถือเป็นข่าวดี ที่มิตรประเทศ หยิบยื่นความช่วยเหลือมายังประเทศไทย แต่ประเด็นการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ก็ยังทำให้เกิดคำถามในวงกว้างว่า แล้วทำไมก่อนหน้า ไทย จึงไม่เข้าร่วมขบวนรับวัคซีนฟรีจากโครงการ COVAX เหมือนกับ 9 ประเทศในอาเซียน อย่างน้อย ก็จะยังได้วัคซีนมาทยอยฉีดให้คนในประเทศ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า การที่ไทยไม่ได้เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ในปีนี้ ไม่ถือว่า ผิดแผน ผิดพลาด หรือล้มเหลว แต่ไทยตัดสินใจบนสถานการณ์จริง ซึ่งปี 2564 ทั่วโลกต้องการวัคซีนมากมายมหาศาล ทางโคแวกซ์ ก็เช่นกัน ต้องประสบกับความยากลำบากในการจัดหาวัคซีน 

...



ปัจจุบันนี้ ค่าเฉลี่ยการกระจายวัคซีนให้ชาติสมาชิกอยู่ที่ ประเทศละ 1 ล้านโดส แต่ในความเป็นจริง บางชาติสมาชิกได้รับวัคซีนหลักหมื่น โครงการโคแวกซ์ สำหรับปี 2564 จึงยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูง ดังนั้น ไทยจึงไม่ได้หวังพึ่งโครงการนี้เป็นหลัก แต่ได้เข้าไปจัดหากับผู้ผลิตโดยตรง

อย่างไรก็ตาม นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ แถลงว่า ขณะนี้ สถาบันฯ ได้เริ่มประสานงาน ขอเจรจาจัดหาวัคซีนกับโครงการโคแวกซ์ เพื่อที่จะได้รับวัคซีนของปี 2565 พร้อมขออภัยประชาชน ที่จัดหาวัคซีนโควิดไม่ทันต่อสถานการณ์.