อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยแนวทางฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ซิโนแวคเข็ม 1 แอสตราฯ เข็ม 2 เพื่อต่อสู้กับเชื้อกลายพันธุ์ ประชาชนทั่วไปฉีดซิโนแวค 2 เข็ม จะได้เข็ม 3 ตอนไหน

วันที่ 12 ก.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยเกี่ยวกับมติการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ครั้งที่ 7/2564 เกี่ยวกับการให้วัคซีนโควิด-19 สลับชนิดกันว่า นักวิจัย แพทย์ และนักวิทยาศาสตร์ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และที่กระทรวงอุดมศึกษา ได้ทำการศึกษาได้ผลตรงกันว่า การฉีดวัคซีนสลับชนิดกันจะมีประโยชน์ที่จะทำให้ภูมิคุ้มกันขึ้นได้สูง และสามารถต่อสู้กับเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตาได้ดี



โดยมีแนวทางดังนี้ หากเข็มที่ 1 เป็นวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 2 ให้เป็นวัคซีนแอสตราเซเนกา โดยให้ห่างจากเข็มแรก 3-4 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา โดยจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสให้อยู่ในระดับที่สูงได้เร็วมากขึ้น ใกล้เคียงกับผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกา 2 เข็ม แต่ใช้ระยะเวลาสั้นกว่า 

ในกรณีผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกเป็นแอสตราเซเนกา ให้รับเข็ม 2 เป็นแอสตราเซเนกาเช่นเดียวกัน โดยมีระยะห่างระหว่างเข็ม 12 สัปดาห์

ทั้งนี้ หลังจากมีการประกาศแล้วจะได้มีการจัดเตรียมวัคซีนให้เหมาะสม และมีการนำไปใช้ตามความจำเป็นที่เหมาะสมต่อไป 

...



อีกเรื่องเป็นการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกัน หรือบูสเตอร์โดส สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขด่านหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโควิด ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะได้ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม จะมีประสิทธิภาพดีในการลดการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาที่ภูเก็ต ที่พบว่าลดการติดเชื้อได้ถึง 90% การศึกษาที่เชียงราย พบว่าลดการติดเชื้อได้ 80-90% รวมถึงภาพรวมของประเทศไทย ในบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม ประสิทธิภาพในการลดการติดเชื้อได้ถึง 70% และลดการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ แม้จะไม่ 100% ก็ตาม ซึ่งก็เป็นเหมือนทุกวัคซีนในโลกนี้ที่ยังไม่สามารถลดการติดเชื้อ ลดการป่วยหนัก หรือลดการเสียชีวิตได้ 100% 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เชื้อมีการกลายพันธุ์อยู่ตลอดเวลา และมีสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่ทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดน้อยลงไปตามเวลา เพราะฉะนั้นแนวคิดการให้วัคซีนบูสเตอร์โดส จะต้องห่างจากวัคซีนที่ได้รับเข็มที่ 2 ไปประมาณ 3-4 สัปดาห์ ซึ่งก็สอดคล้องกับการศึกษา

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้อนุมัติให้ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาให้บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขด่านหน้า หรือจะเป็นวัคซีน mRNA ของไฟเซอร์ หรือบริษัทอื่นๆ ก็ได้แล้วแต่ความเหมาะสม ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขจะได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมจัดส่งวัคซีนไปเพื่อฉีดให้ในลำดับต่อไป

เมื่อถามว่าวัคซีนบูสเตอร์โดส จะสามารถเริ่มได้เมื่อไร ขณะที่ ประชาชนทั่วไปที่ได้รับซิโนแวค ครบ 2 เข็มแล้ว จะพิจารณาให้ฉีดเข็มที่ 3 หรือไม่ นพ.โอภาส ระบุว่า วัคซีนไฟเซอร์จากสหรัฐฯ ยังไม่มีการส่งมอบมา ซึ่งกำลังหารือในรายละเอียดการส่งมอบ ส่วนการฉีดกระตุ้น ขณะนี้ถ้าจะดำเนินการ ก็จะใช้ของแอสตราเซเนกา ในบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า โดยสามารถดำเนินการได้ทันทีหากมีความพร้อม ขณะที่ประชาชนทั่วไป จะดูข้อมูลต่างๆ ให้ครบถ้วน เป็นลำดับต่อไป.