ผู้ช่วย ศบค. เปิดแผนกระจาย "วัคซีนบริจาค" ไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส และ แอสตราเซเนกา 1.05 ล้านโดส ส่งมาจากต่างประเทศ
วันที่ 9 ก.ค. พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ที่จำเป็นจะต้องมีความเข้มงวดมากขึ้น เพื่อให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว พร้อมมีแนวทางบริหารจัดการวัคซีนบริจาคจากต่างประเทศ กระจายให้ประชาชนดังต่อไปนี้
วัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส
กลุ่มเป้าหมาย
1. บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศ (ฉีดเป็น Booster dose จำนวน 1 เข็ม)
2. ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคเรื้อรัง 7 โรค
3. ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศ เน้นผู้สูงอายุ และโรคเรื้อรัง
4. ผู้ที่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนไฟเซอร์ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน/นักศึกษา นักกีฬา นักการทูต
สำหรับการกระจายวัคซีน ฉีด 2 เข็ม ห่าง 3 สัปดาห์ (ยกเว้นกรณีบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า Booster dose จำนวน 1 เข็ม) แบ่งเป็นสัญชาติไทย 1,350,000 โดส ชาวต่างชาติ 150,000 โดส โดยพื้นที่เป้าหมาย คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร สงขลา นราธิวาส ปัตตานี ยะลา (มีการระบาดของสายพันธุ์เดลตา)
วัคซีนแอสตราเซเนกา 1.05 ล้านโดส
กลุ่มเป้าหมาย
1. ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคเรื้อรัง 7 โรค
2. ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศ เน้นผู้สูงอายุ และโรคเรื้อรัง
3. ผู้ที่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาก่อนเดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน/นักศึกษา นักกีฬา นักการทูต
...
สำหรับการกระจายวัคซีน ฉีดเป็นเข็มที่ 1 แบ่งเป็นสัญชาติไทย 945,000 โดส ชาวต่างชาติ 105,000 โดส โดยพื้นที่เป้าหมาย คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ภูเก็ต
ทั้งนี้ การดำเนินงานการฉีดวัคซีน คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร บริหารจัดการผ่านโรงพยาบาลในพื้นที่ ส่วนกรณีชาวต่างชาติ ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ประสานหลัก โดยการบริหารจัดการวัคซีนบริจาคสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19.
