• ผ่าปม "วัคซีน" หลังโควิดสายพันธุ์อินเดีย จ่อคิวระลอก 4
• แผนล่ม แอสตราฯ ส่งมอบไม่ได้ตามเป้า 10 ล้านโดส จ่อซื้อ "ซิโนแวค" เพิ่ม
• "ไฟเซอร์" ได้ไตรมาส 4 ยอมรับทำใบซื้อช้า ปัดยื้อเซ็นสัญญา ชี้เสียเปรียบ
ยิ่งกว่า "วิกฤติ" แต่เข้าขั้น "มหาวิกฤติ" กับสิ่งที่รัฐบาลกำลังเผชิญอยู่ ณ ตอนนี้ จากสภาวะโควิดล้อมเมือง คร่าทั้งชีวิต ทำลายเศรษฐกิจ ลามถึงความเชื่อมั่น จนทำให้คนไทยตกอยู่ในความ "เสี่ยง" ทุกย่างก้าว
ในขณะเชื้อร้าย "สายพันธุ์อินเดีย" กำลังแพร่ระบาด จ่อคิวระลอก 4 ลุกลามบานปลายจน "น่ากลัว" ทำคนไทย "แพนิค" กันทั้งบาง แถมการบริหารจัดการยัง "สับสนอลเวง" เข้าขั้น "ล้มเหลว" ขยับตัวช้าเกินไป โดยเฉพาะความจริงที่ปิดบังเรื่อง "วัคซีน" !!!

แอสตราฯ เดือนละ 10 ล้านโดส เป็น "วัคซีนทิพย์"
จากเวทีเสวนาในหัวข้อ "วัคซีนโควิด-19 ไทยจะเดินต่อไปอย่างไร" ซึ่งจัดโดย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา จากกูรูนักวิชาการ-แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ยิ่งทำให้ถึง "บางอ้อ" และ "ตกใจ" กับความจริงบางประการ?
...
เริ่มกันที่การส่งมอบ "วัคซีนแอสตราเซเนกา" ที่ไทยใช้เป็นวัคซีนหลักของชาติ แต่มีปัญหาการส่งมอบมาโดยตลอด โดย นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เปิดเผยว่า "แอสตราเซเนกา" ที่ไทยใช้เป็นวัคซีนหลักของชาติ จำนวน 61 ล้านโดส แต่มีปัญหาการส่งมอบมาตลอดนั้น บริษัทแอสตราเซเนกาคาดว่า เดือน ก.ค.-ส.ค. (สยามไบโอไซเอนซ์) จะผลิตวัคซีนได้เดือนละ 16 ล้านโดส แต่เนื่องจากบริษัทต้องส่งให้กับประเทศอื่นด้วย ดังนั้นในเดือน ก.ค.นี้ แอสตราเซเนกาจะส่งมอบวัคซีนให้ไทยไม่ถึง 10 ล้านโดส ตามศักยภาพการฉีดวัคซีน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขหวังว่าจะได้รับการจัดสรรวัคซีน จากบริษัทแอสตราเซเนกาตามแผน แต่เมื่อไปตรวจสอบกำลังการผลิตในประเทศไทย คาดว่าจะผลิตได้ 108 ล้านโดสต่อปี หรือเฉลี่ย 15 ล้านโดสต่อเดือน ในจำนวนวัคซีนที่ผลิตได้ยังจำเป็นต้องส่งมอบให้ต่างประเทศ ไม่สามารถส่งมอบให้ไทยทั้งหมดได้ เนื่องจากนโยบายของบริษัทแอสตราเซเนกา ต้องจัดสรรวัคซีนให้เท่าเทียมกันทั่วโลก ดังนั้นการส่งมอบวัคซีนจึงจำเป็นต้องส่งมอบวัคซีนให้ประเทศอื่นๆ ด้วย
นพ.นคร กล่าวต่อว่า วันนี้แอสตราเซเนกาได้ส่งมอบวัคซีนให้ไทยครบ 6 ล้านโดส ตามกรอบเดือน มิ.ย.แล้ว แต่ในเดือน ก.ค. จะไม่สามารถส่งให้ไทยได้ถึง 10 ล้านโดส อย่างไรก็ตามในสัญญาสั่งซื้อมีเพียงกรอบเวลาการส่งมอบ 61 ล้านโดสใน 1 ปีเท่านั้น การส่งมอบไม่เป็นไปตามแผนในรายเดือน จึงไม่ถือว่าผิดสัญญา
"เราพยายามจะขอว่า ถ้าเป็นไปได้เราอยากได้วัคซีนเร็ว เดือนละ 10 ล้านโดส แต่เมื่อดูความเป็นจริงแล้วทำไม่ได้ ก็ต้องคุยและดูข้อจำกัดกัน ไม่ได้ผลิตน้อยกว่าที่คาดไว้ ผลิตได้ตามแผน แต่ไม่เท่ากับความต้องการเร่งการฉีดของเรา

ก.ค.-ส.ค.ต้องซื้อ "ซิโนแวค" เพิ่มเดือนละ 5 ล้านโดส
นพ.นคร กล่าวต่อว่า ได้รับจดหมายจากรองประธานบริษัทแอสตราเซเนกาว่า จะส่งมอบวัคซีนให้ไทยได้เดือนละ 5-6 ล้านโดส หากได้รับจำนวนเท่านี้จริงๆ จึงจำเป็นต้องจัดหาวัคซีนจากแหล่งอื่นๆ ขณะนี้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ได้เร่งจัดหา "วัคซีนซิโนแวค" เพิ่มในเดือน ก.ค.-ส.ค. เพื่อเสริมกำลังการฉีดให้ได้ "ตามเป้า" 10 ล้านโดสต่อเดือน เพื่อลดการป่วยและการเสียชีวิต

ได้ "ไฟเซอร์" ไตรมาส 4 เหตุทำใบจองซื้อช้า
สำหรับวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ที่พยายามจัดหาอยู่ โดยเจรจากับบริษัท ไฟเซอร์ นั้น นพ.นคร เปิดเผยว่า ตอนแรกว่าจะส่งมอบไตรมาส 3 หรือประมาณเดือน ส.ค. แต่เมื่อส่งใบจองแล้ว บริษัทแจ้งว่าไตรมาส 3 เป็นไปได้ยาก จะส่งได้ในไตรมาส 4 ประมาณเดือน ต.ค.-พ.ย. จำนวน 20 ล้านโดส
"ขณะนี้กำลังต่อรองพยายามขอว่า หากเป็นไปได้ขอให้ส่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นอกจากนี้ยังร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เจรจาจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมผ่านช่องทางการทูต หรือการจัดหา แบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) มีทั้งวัคซีนของประเทศคิวบา เป็นซับยูนิตโปรตีน ตัวแรกที่แสดงผลออกมามีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค ร้อยละ 92 น่าสนใจ เพราะเป็นวัคซีนที่ค่อนข้างปลอดภัย รวมถึงเจรจราวัคซีน mRNA จากเจ้าอื่นด้วย รวมถึงวัคซีนเคียวร์แวค ของเยอรมนี ก่อนหน้าจะประกาศผลก็เจรจรา ขอข้อมูลเชิงลึกกันอยู่ ตอนนี้เมื่อเขาประกาศผลแล้ว ก็รอดูท่าทีว่าเขาจะพัฒนาต่อหรือไม่ ก็จะคุยต่อ เพราะเป็นรูปแบบที่น่าสนใจไม่แพ้ไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา และในปีหน้าจะจัดหาวัคซีนตอบสนองต่อไวรัสกลายพันธุ์ให้มากขึ้น"
...

ข่าวยังไม่ได้เซ็นสัญญาสั่งซื้อ "ไฟเซอร์"
ส่วนกระแสข่าว ที่ยังไม่ได้เซ็นสัญญาสั่งซื้อนั้น นพ.นคร กล่าวตอนหนึ่งในการเสวนาว่า ตามขั้นตอนต้องมีการสั่งจองก่อน ซึ่งเราสั่งจองไปแล้วตั้งแต่ มิ.ย. เป็นการล็อกยอดแล้ว 20 ล้านโดส อยู่ระหว่างการทำสัญญาสั่งซื้อ ซึ่งดูสัญญายังมีข้อเสียเปรียบในภาพรวมของประเทศ จึงต้องปรึกษาไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานกฤษฎีกา หรือแม้กระทั่งขอความเห็นชอบจาก ครม.

...
ทำไม "เพื่อนบ้าน" ได้วัคซีน ส.ค.นี้
นพ.นคร กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าเขาจองวัคซีนเมื่อไหร่ ยอมรับว่า "เราจองได้ช้ากว่าเขา" ส่วนระหว่างนี้ ไตรมาส 3 จะมีวัคซีนตัวอื่นๆ เข้ามาหรือไม่นั้น ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เท่าที่สืบค้นยังมีแค่วัคซีนเชื้อตายจากประเทศจีนทั้ง "ซิโนแวค" และ "ซิโนฟาร์ม" อย่างไรก็ตาม หากมองวัตถุประสงค์ในการใช้วัคซีนให้เต็มประโยชน์ที่มีในช่วงเวลานี้ ที่มีซิโนแวค และแอสตราฯ ยังสามารถป้องกันป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้สูง แม้เจอเชื้อกลายพันธุ์ ส่วนข้อมูลที่มีนักวิชาการเอาเลือดของผู้ที่ได้รับวัคซีน ไปทำปฏิกิริยากับไวรัสในหลอดทดลองนั้น ก็เป็นตัวทำนายผลการป้องกันโรคทั่วไป ยอมรับว่าได้ผลลดลง แต่ก็ลดลงทุกตัว

อยู่ระหว่างศึกษา ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3
สำหรับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ หรือฉีดเข็ม 3 นั้น นพ.นคร เปิดเผยว่า ขณะนี้ทีมวิชาการและอาจารย์มหาวิทยาลัย อยู่ระหว่างการศึกษาเรื่องระยะเวลาที่เหมาะสมป็นอย่างไร การฉีดซ้ำตัวไหนเป็นอย่างไร เช่น ซิโนแวค 2 เข็ม กระตุ้นด้วยซิโนแวคเข็ม 3 แล้วภูมิเป็นอย่างไร หรือ ซิโนแวค 2 เข็ม กระตุ้นเข็ม 3 ด้วยแอสตราฯ เป็นอย่างไร หรือซิโนแวค 2 เข็ม ซ้ำด้วยวัคซีน mRNA ภูมิคุ้มกันจะเป็นอย่างไร ทั้งหมดเพื่อจะตอบโจทย์ว่าแล้วถ้าปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจะสู้เชื้อเดลตาได้หรือไม่ จะเป็นข้อมูลในการตัดสินใจใช้วัคซีนได้แม่นยำมากขึ้น จะใช้เวลาในช่วง ก.ค.-ส.ค.นี้
...
"เมื่อออกมาแล้วเชื่อว่า บุคลากรการแพทย์ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคร่วมก็จะเป็นกลุ่มแรกๆ เช่นกัน เป็นไปตามลำดับความสำคัญ ส่วนวัคซีนภาพกว้าง เมื่อมีวัคซีนมากขึ้นเราค่อยขยายวัคซีนให้กลุ่มที่ขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจต่อไป"

โต้ยื้อเซ็น "ไฟเซอร์" ชี้สัญญาเสียเปรียบ ต้องหารือ ก.ม.
ส่วนที่แพทย์ท่านหนึ่ง ออกมาระบุว่า สาเหตุที่ได้วัคซีน "ไฟเซอร์" และ "โมเดอร์นา" ช้านั้น เป็นเพราะรัฐบาลไม่ยอมเซ็นสัญญา นพ.นคร ตอบว่า ใครพูดก็ไปเอาหลักฐานมาว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่ใช่พูดลอยๆ เราได้เซ็นหนังสือจองวัคซีนไฟเซอร์ไปแล้ว ตั้งแต่ต้น มิ.ย. อยู่ระหว่างทำสัญญาจัดซื้อไม่ได้มีการประวิงเวลา ไม่ได้รีรอ วันนี้เมื่อมีการเสียเปรียบเราก็ต้องมีการเจรจราต่อรอง เพื่อให้เราเสียเปรียบน้อยที่สุด ส่วนเรื่องรายละเอียดขอไม่เปิดเผยเนื่องจากอยู่ระหว่างการเจรจา แต่ไม่ใช่หมายความว่าเราไม่ทำอะไร เรายังเดินหน้าจัดหาวัคซีน mRNA สุดท้ายหากจำเป็นก็ต้องยอมเสียเปรียบ

เทียบประสิทธิภาพวัคซีน "เชื้อเป็น-เชื้อตาย"
นอกจากประเด็นเรื่องการบริหารจัดการแล้ว วงเสวนาครั้งนี้ยังมีการเปิดเผยผลการวิจัยวัคซีน ต่อสายพันธุ์ต่างๆ ในแต่ละประเทศ-บางยี่ห้อ ไว้อย่างน่าสนใจ ตอนหนึ่งด้วย โดย รศ.นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เปิดเผยว่า ประสิทธิภาพของ "ซิโนแวค" ซึ่งเป็นชนิด "เชื้อตาย" จากจีน ขณะนี้มีการศึกษาข้อมูลจากการใช้จริงของไทยใน 4 แห่ง คือ เชียงราย ภูเก็ต สมุทรสาคร และฐานข้อมูลกรมควบคุมโรค มีประสิทธิผลป้องกันโรค 71-91% คนที่ติดเชื้อมีอาการน้อย
ส่วนผลการศึกษาจากเมืองหนึ่งของประเทศบราซิล ที่มีสายพันธุ์ P1 ประชากร 7-8 หมื่นคน ฉีดครอบคลุม 80-90% อัตราตายลดลง 95% ส่วนซิโนแวคต่อ "สายพันธุ์เดลตา" มีรายงานในสื่อจีนที่รายงานข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาว่า กวางโจวมีผู้ติดเชื้อ 166 คน เป็นเดลตาทั้งหมด เมื่อไปดูคนสัมผัสผู้ติดเชื้อพบว่า ช่วยลดการติดเชื้อในผู้สัมผัสลง 69% ลดปอดอักเสบ 73% ลดเป็นโรครุนแรงหรือเสียชีวิตถึง 95% ส่วนซิโนแวคต่อ "สายพันธุ์เบตา" ยังไม่มีข้อมูล
ส่วน "วัคซีนแอสตราเซเนกา" มีผลต่อ "สายพันธุ์อัลฟา" 70-90% ถือว่าดี แต่ยังรอข้อมูลในไทย เพราะการฉีดยังไม่มากพอ ผลต่อสายพันธุ์เดลตาข้อมูลจากเมืองหนึ่งของประเทศอินเดีย พบว่ามีประสิทธิผล 97% ลดการตายไปเยอะ ส่วนการศึกษาในที่อื่นๆ ยังมีประสิทธิผล 80-90% จะเห็นว่าแอสตราฯ ต่อสายพันธุ์เดลตายังใช้ได้ดี และการจับเชื้อใกล้เคียงกับวัคซีนชนิด mRNA แต่สายพันธุ์เบตา มีข้อมูลจากแอฟริกาใต้ได้แค่ 10.4% ต้องจับตามองต่อไป!!!
สำหรับ "วัคซีนชนิด mRNA" ที่หลายคนบอกว่าทำไมไม่สั่งเข้ามานั้น ผลการกระตุ้นภูมิคุ้มกันดีมาก อย่างโมเดอร์นาสูง 94% และไฟเซอร์สูง 95% แต่ปัญหาใหญ่คือกลายพันธุ์ไปเรื่อยๆ โดยสัปดาห์ที่แล้ววัคซีน mRNA ของเยอรมัน ชื่อ "เคียวร์แวค" ศึกษาในอาสาสมัครที่ยุโรปและลาตินอเมริกา 4 หมื่นคน ประสิทธิผลการป้องกันลดลงเหลือ 48% แต่ลดป่วยหนักและตายยัง 100% สาเหตุน่าจะเป็นเพราะเชื้อกลายพันธุ์

คาด 3 เดือนข้างหน้า "เดลตา" ทำวิกฤติ!
นอกจากนี้ รศ.นพ.ทวี ยังเปิดเผยถึงการต่อสู้กับ "สายพันธุ์เดลตา" ว่า คิดว่า 3 เดือนข้างหน้าเป็นช่วงวิกฤติ คือ 1. ปริมาณวัคซีนเพียงพอหรือไม่ แต่ทุกวิกฤติมีทางออก 2. คุณภาพ ซึ่งสายพันธุ์เดลตา มาแทนที่ใน 3 เดือนแน่นอน แอสตราเซเนกาใช้ได้ ส่วนซิโนแวคเริ่มเห็นข้อมูลรางๆ แต่ยังไม่เห็นข้อมูลเชิงประจักษ์ ต้องศึกษาก่อน แต่คงไม่ช้า แต่การฉีดสลับเข็มหรือเข็ม 3 จะดีขึ้นหรือไม่นั้น เป็นคอนเซปต์ทั้งหมด ถึงจะมีการวิจัยและออกมาเป็นคำแนะนำ และการปฏิบัติต้องรอก่อน โรงเรียนแพทย์ที่กำลังวิจัย รวมถึงการเอา mRNA มาเป็นเข็มสอง หรือเข็มสาม ก็ติดต่อทางบริษัท ปัญหาคือไม่มีวัคซีนให้เราเอามาวิจัย แม้จะขอแค่พันเข็มเพื่อวิจัยให้ได้ข้อมูล เขาก็ยังไม่รับปาก ทางออกเรื่องวัคซีน สรุปว่า "หาๆๆ ฉีดๆๆ" ให้ตรงเป้าที่จะฉีด
"สำหรับวัคซีนในเด็กนั้น เด็กมีโอกาสติดเชื้อน้อยกว่าผู้ใหญ่ และไม่ค่อยมีอาการ การเสียชีวิตต่ำ ระลอกนี้ติดเชื้อเป็นหมื่น เสียชีวิต 4-5 คน แต่ผู้สูงอายุเสียชีวิต 10% แตกต่างอย่างมหาศาล เวลาเอาวัคซีนมาพิจารณาในเด็ก ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เรากังวลความปลอดภัย เพราะเป็นวัคซีนใหม่ ที่มีการใช้ในเด็ก คือ จีนใช้ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม ในอายุ 3-17 ปี และอินโดนีเซียกำลังเอาอย่างประเทศไทย ดังนั้นจึงต้องขอดูข้อมูล ส่วนไฟเซอร์มีข้อบ่งในเอกสารกำกับยาว่า กลุ่มวัยรุ่นอาจก่อผลข้างเคียงของกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และมักเกิดในเข็มสอง ในเด็กผู้ชายอัตราเกิด 2 ต่อแสนโดส ถ้าเรามีวัคซีนหรือใกล้มีวัคซีน กลุ่มกุมารแพทย์คงต้องพิจารณาอย่างละเอียดและรอบคอบ"
เรียบเรียงโดย : หงเหมิน
กราฟิก : sathit chuephanngam
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: 1) เสวนา "วัคซีนโควิด-19 ไทยจะเดินต่อไปอย่างไร" 2) "ความจริงวัคซีนที่น่าตกใจ" หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คอลัมน์ "ลมเปลี่ยนทิศ"