• "เหล่าทัพ" พร้อมรับทหารใหม่ ผลัด 1/64 เข้ากองประจำการ 1-3 ก.ค.นี้ พร้อมยึดมาตรการคุมเข้มตาม สธ.
  • "ทหารใหม่" ทุกนายจะได้รับการคัดกรองเชื้อ และฉีดวัคซีนป้องกันโรค ทุกคนจะต้องมีภูมิคุ้มกันยึด
  • มาตรการพิทักษ์พล DMHTT เคร่งครัดในทุกขั้นตอน พร้อม "ล็อกดาวน์" หน่วยฝึก ป้องกันการเกิดคลัสเตอร์ใหม่

ดีเดย์ 1-3 ก.ค.นี้ "เหล่าทัพ" เตรียมเปิดค่ายทหารทั่วประเทศ รับ "ทหารเกณฑ์" ผลัด 1/2564 เข้ากองประจำการ หลังจากโดนโรคเลื่อนมาแล้วจาก 1 พ.ค.ที่ผ่านมา เหตุเพราะโควิดระลอก 3 เล่นงาน ส่งผลให้ระบาดหนักจนทำให้ทหารต้องเลื่อนปลดประจำการ พร้อมผุดแนวคิดโครงการรับสมัครทหารแบบสมัครใจ หรือการร้องขอกรณีพิเศษ เพื่อหวังมุ่งสู่อนาคตในการเลิกจับใบดำ ใบแดง เลิกการเกณฑ์ทหาร 

การเปิดหน่วยทหารรับทหารใหม่ ท่ามกลางวิกฤติของโรคระบาดครั้งนี้ "กลาโหม" ได้สั่งการไปยัง "เหล่าทัพ" ปรับแผนหามาตรการรับมือจากสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก เพื่อให้หน่วยมีความปลอดภัย ทั้งผู้ฝึก ครูฝึก และผู้ช่วยผู้ฝึก ตลอดจนทหารใหม่ในผลัด 1 ทุกคนต้องปลอดจากเชื้อโควิดแบบ 100%

...

โดยทหารในผลัด 1/64 ที่จะเข้าประจำการในวันที่ 1 ก.ค.นี้ จากทุกเหล่าทัพ มีจำนวน 45,128 นาย จะเข้ากองประจำการพร้อมกันทั้งจาก สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 387 นาย กองบัญชาการกองทัพไทย 545 นาย กองทัพบก 35,916 นาย โดยในส่วนนี้มาจาก ทหารกองเกินที่มาจากการตรวจเลือก 32,709 นาย และจากการรับสมัครแบบอาสา ด้วยระบบออนไลน์ 3,207 นาย กองทัพเรือ 3,701 นาย และกองทัพอากาศ 4,579 นาย

และเพื่อความมั่นใจว่า "กองทัพ" จะรับมือกับเหล่าชายฉกรรจ์เกือบ 4.5 หมื่นนาย ที่จะเข้าสู่รั้วทหาร โดยให้ปลอดจากโควิด มันช่างย้อนแย้งกับตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อ เพราะผู้ที่จะเข้ามารับใช้ชาติเหล่านี้ต่างมาจากหลายพื้นที่ หลายจังหวัด และบางคนก็มาจากพื้นที่เสี่ยง จังหวัดสีแดงเข้ม ประกอบกับหลายคลัสเตอร์ใหม่ที่ส่งผลให้ตัวเลขผู้ป่วยในประเทศไทยสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เมื่อมองข้อมูลปัจจุบันเหมือนพบว่า ประเทศไทยใกล้ถึงทางตันสำหรับผู้ป่วยโควิด เพราะขณะที่เตียงรับผู้ป่วยกำลังจะขาดแคลน หลังมีผู้ติดเชื้อรายวันสูงมาก และผู้ป่วยที่อยู่ใน รพ. เกือบเต็มทุกแห่ง แม้กระทั่ง รพ.สนาม เตียงสนาม และการประกาศล็อกดาวน์กรุงเทพฯ และอีก 9 จังหวัด ครั้งนี้จึงน่าจะเป็นการเผาจริงหรือไม่

กลาโหมงัดมาตรการคัดกรองควบคุมโรค เข้มทหารใหม่

พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ได้สั่งการลงไปยัง "กองทัพ" เพื่อให้หน่วยขึ้นตรงกลาโหม และเหล่าทัพ เตรียมความพร้อมรับทหารกองประจำการผลัดที่ 1/64 ที่จะเข้าประจำหน่วยทหารทั่วประเทศพร้อมกัน ระหว่าง 1-3 ก.ค.64 โดยให้มีการคัดกรองและปฏิบัติตามมาตรการควบคุมที่สาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด ทั้งการจัดเตรียมสถานที่และกระบวนการรับตัวทหาร ตั้งแต่การรายงานตัวในพื้นที่จังหวัดอำเภอ การจัดยานพาหนะและการเคลื่อนย้ายทหารเข้าหน่วย การปรับสภาพและคัดกรองเฝ้าระวังควบคุมโรคใน 14 วันแรก

"กำชับทุกหน่วยให้ดูทหารใหม่ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงสูง และหากพบการติดเชื้อให้คัดแยกและส่งเข้ารับการรักษาที่ รพ.สนามทันที พร้อมกันนี้ขอให้ประสาน สธ.ขอรับการสนับสนุนวัคซีนฉีดให้กับทหารที่เข้าประจำการใหม่ทั้งหมดโดยเร็ว เพื่อมิให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ในหน่วยทหาร"

ทบ.ย้ำทหารผลัด 1/64 ทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด

ขณะที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. สั่งการ "กองทัพบก" ในฐานะหน่วยหลักที่จะดำเนินการรับทหารใหม่ ผลัด 1/64 โดยมอบให้หน่วยฝึกทหารใหม่ทั่วประเทศมีการเตรียมมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ตั้งแต่การรายงานตัว การเดินทาง พิธีแรกรับเข้าสู่หน่วยทหาร ที่สำคัญจะมีการตรวจคัดกรองและเตรียมการด้านการแพทย์รองรับผู้ที่มารายงานตัวเข้าประจำการแล้ว หากตรวจพบว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงการฉีดวัคซีนให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและทหารใหม่ โดยกองทัพบกเตรียมแผนฉีดวัคซีนให้กับทหารใหม่ทุกนายในสัปดาห์แรกที่เข้าประจำการ

...

"กองทัพบกจะให้ความสำคัญกับการดูแลทหารกองประจำการให้เป็นไปแบบวิถีใหม่อย่างเคร่งครัด นอกเหนือจากการบ่มเพาะให้มีวินัยด้านการทหาร โดยมอบให้หน่วยทหารพิจารณาปรับรูปแบบการฝึกและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ภายในหน่วยทหารในทุกกิจการกิจกรรม รวมถึงการฝึกทหารกองประจำการทุกนายให้เกิดทักษะในเรื่องการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ ในการปฏิบัติงานและการดำเนินชีวิตประจำวัน"


ยึดมาตรการพิทักษ์พล DMHTT ของ ศบค. เคร่งครัดในทุกขั้นตอน

ด้าน พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองเสธ.ทบ. ในฐานะ ผอ.ศบค.19 ทบ. ยืนยัน "กองทัพบก" เตรียมแนวทางให้กับหน่วย กรรมวิธีคัดกรองภายใต้มาตรการโควิด-19 โดยกรมแพทย์ทหารบกและกรมยุทธศึกษาทหารบก กำหนดแนวทางป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในการรับทหารใหม่ ครอบคลุมมาตรการพิทักษ์พล DMHTT ของ ศบค. และกระบวนการคัดกรองสอบสวนโรคของ สธ. อย่างเคร่งครัดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การรายงานตัวแรกรับ ณ ที่ว่าการอำเภอ ศาลากลางจังหวัด และมณฑลทหารบก ตลอดจนการเดินทางไปยังหน่วยฝึกทหารใหม่ทั้ง 311 หน่วยทั่วประเทศ

...

ทั้งนี้จะมีโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบกทั้ง 37 แห่ง สนับสนุนอำนวยความสะดวกเจ้าหน้าที่สายแพทย์ คัดกรองอุณหภูมิ ซักประวัติทหารใหม่และตรวจหาเชื้อ ตั้งแต่ด่านแรกของการรายตัวที่ถือเป็นส่วนสำคัญที่สามารถพบผู้มีความเสี่ยงหรือผู้ติดเชื้อ เพื่อป้องกัน ควบคุมการแพร่ระบาด และดำเนินการส่งต่อสถานพยาบาลให้ได้รับการดูแลที่เหมาะสม รวมทั้งเตรียมพร้อมหน่วยฝึกทหารใหม่ในทุกมิติ ทั้งด้านกำลังพลผู้ที่เกี่ยวข้องกับการฝึกทั้ง ผู้ฝึก ครูฝึก และผู้ช่วยผู้ฝึก ที่เริ่มดำเนินการคัดกรองให้ปลอดภัยกักตัว 14 วัน ตั้งแต่ 16 มิ.ย.64 และจะดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับครูฝึกและเจ้าหน้าที่หน่วยฝึกทุกนาย โดยโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบก ตามความเร่งด่วนในการบริหารจัดการวัคซีนของ สธ. และความเร่งด่วนที่กระทรวงกลาโหมจัดสรรให้ เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันหมู่ ควบคู่ไปกับการอบรมทบทวนแนวทางการฝึก และซักซ้อมแผนปฏิบัติการรับทหารใหม่อย่างถูกต้องเหมาะสม ตามมาตรการที่กองทัพบกกำหนดอย่างเคร่งครัด


หน่วยทหารจะต้องปลอดโควิด ทหารใหม่ทั้ง 35,916 นายจะต้องมีภูมิคุ้มกัน

...


ส่วนในเรื่องที่ผู้ปกครองทหารใหม่กังวล "กองทัพบก" มีมาตรการดูแลอย่างดีทั้งในส่วนของสถานที่ที่มีการแยกพื้นที่ฝึก และพื้นที่กัก (Unit Quarantine) รวมทั้งพื้นที่ประกอบกิจกรรมต่างๆ ให้เป็นสัดส่วน ปรับรูปแบบการฝึกลักษณะกำหนดเฉพาะพื้นที่และมีการควบคุมสูงสุดในพื้นที่นั้นๆ (Bubble and Sealed) พร้อมทั้งเตรียมเจ้าหน้าที่สายแพทย์ และชุดเสนารักษ์คัดกรอง ซักประวัติและสังเกตอาการในพื้นที่การฝึกอย่างใกล้ชิด รวมทั้งอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับโรคที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการฝึกและการดูแลปฏิบัติตนให้มีสุขภาพแข็งแรงปลอดภัย

โดย พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ได้กำชับด้วยตัวเองให้ทุกหน่วยฝึกทหารใหม่ เตรียมความพร้อมในทุกด้านควบคู่ไปกับมาตรการพิทักษ์พลและแนวทางของ ศบค. เพื่อเป็น "หน่วยทหารปลอดโควิด" มีความปลอดภัยทั้งในระดับบุคคล หน่วยทหาร และประชาชนทั่วไป พร้อมรับทหารกองประจำการ ขอให้เชื่อมั่นในแนวทางดำเนินการที่ได้จัดเตรียมไว้อย่างดีที่สุด เตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อมต่อการเข้ากองประจำการ ซึ่งกองทัพบกยังคงสิทธิและสวัสดิการสำหรับทหารใหม่ตามปกติ และมอบให้โรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบกเตรียมดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับทหารใหม่ผลัดที่ 1/64 ทั้ง 35,916 นาย เมื่อเดินทางถึงหน่วยฝึก เพื่อร่วมวาระแห่งชาติสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ลดการแพร่ระบาดหรือการสูญเสียกำลังพล สามารถดำรงการฝึกและปฏิบัติในทุกภารกิจภายใต้สถานการณ์โควิด-19 อย่างปลอดภัย


ทัพเรือ ล็อกดาวน์หน่วยฝึกทหารใหม่ ป้องกันการเกิดคลัสเตอร์ใหม่

ในส่วน "กองทัพเรือ" พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร. ย้ำความพร้อม เพราะมีการจัดแผนซักซ้อมการปฏิบัติในการเข้ารายงานตัวของทหารใหม่ผลัด 1/64 เข้าประจำการมาโดยตลอด และได้ปฏิบัติเหมือนวันจริง โดยเน้นมาตรการล็อกดาวน์ กองร้อย ฝึกทหาร ภายใต้การกำกับดูแลของกรมแพทย์ทหารเรือ โดยเฉพาะการเข้ารายงานตัวของทหารใหม่ผลัด 1/64 ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมี

สถานีที่ 1 จุดลงรถ เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจวัดอุณหภูมิพร้อมกับฉีดพ่นเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ การวัดอุณหภูมิถ้าหากอุณหภูมิเกิน 37.5 จะมีการให้พักคอย 10 นาที จากนั้นจะทำการวัดอุณหภูมิอีกครั้ง ถ้าหากอุณหภูมิไม่เกิน 37.5 จะส่งไปยังสถานีพักคอย และประชาสัมพันธ์ต่อไป ถ้าตรวจพบอุณหภูมิเกินกว่า 37.5 จะทำการส่งกำลังพลไปยังสถานีสอบสวนโรค เพื่อสอบสวนโรคโดยละเอียดทันที

สถานีที่ 2 จุดคัดกรองโรค เป็นสถานีซักประวัติการเดินทางของกำลังพลในห้วงเวลาที่ผ่านมา จากนั้นเข้าไปพบเจ้าหน้าที่เพื่อทำการสอบถามประวัติโดยละเอียดอีกครั้ง ถ้าหากซักถามประวัติและมีความเสี่ยงในการติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) จะทำการส่งกำลังพลไปยังจุดสอบสวนโรคต่อไป สำหรับกำลังพลที่ไม่มีความเสี่ยงจะดำเนินการส่งตัวไปยังจุดคัดกรองโรคติดต่อทั่วไป

ขอให้มั่นใจความพร้อมในการดูแลลูกหลานเมื่อเข้ามาอยู่ในรั้วทหารเรือ

สถานีที่ 3 จุดสอบสวนโรค เป็นสถานีที่ทำการตรวจสอบและซักประวัติโดยละเอียด เพื่อวินิจฉัยกำลังพลที่มีความเสี่ยง หรือมีความเสี่ยงสูง เพื่อคัดแยกออกจากกำลังพลกลุ่มทั่วไป ถ้าหากสรุปแล้วเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูง จะทำการส่งตัวแยกไปกักตัวที่ พัน.พ.กรม.สน.พล.นย. เพื่อดำเนินการตรวจสารคัดหลั่ง (SWAB) และรอผลตรวจพร้อมกักกันตัว 14 วัน และสถานีที่ 4 จุดคัดกรองโรคทั่วไป เป็นการคัดกรองโรคติดต่อที่พบในชุมชนทหารได้บ่อย เช่น วัณโรค ตับอักเสบ และผู้ที่มีโรคประจำตัวต้องรับประทานยาเป็นประจำ จะให้พบแพทย์เพื่อตรวจให้คำแนะนำและวางแผนการนัดติดตามรักษาอย่างต่อเนื่อง

"ทั้งนี้กองทัพเรือมีความพร้อม และสร้างความเข้าใจแก่ทหารใหม่ ทั้ง 3,701 นาย รวมถึงครอบครัวของทหารใหม่ ให้ทราบถึงการกำหนดแนวทางปฏิบัติรับทหารใหม่เข้าค่ายระหว่างวันที่ 1-2 ก.ค.64 เพื่อสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นให้ทหารใหม่ ครอบครัว รวมถึงพี่น้องประชาชนโดยทั่วไป ได้มั่นใจขั้นตอนการรับทหารใหม่ ในภาวะการระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ ภายใต้กรอบและมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข โดยมีกรมแพทย์ทหารเรือเป็นหน่วยกำกับดูแล"


ทัพฟ้า สั่งเข้มเฝ้าระวังป้องกัน ตามกรอบ ศบค.ทุกอย่าง

ขณะที่ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ. ให้ทุกหน่วยของ "กองทัพอากาศ" ที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังป้องกัน และดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวด ในการเตรียมความพร้อมการรับทหารใหม่เข้ามาประจำการ 1 ก.ค.นี้ ย้ำสถานการณ์โควิดระลอกใหม่ อาจจะส่งผลกระทบต่อการรายงานตัวเข้ารับราชการของทหารกองประจำการที่จะเข้ามาประจำการ และรับการฝึกทหารใหม่ เนื่องจากการฝึกทหารใหม่มีลักษณะของการที่ต้องอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใกล้ชิด ซึ่งอาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายโรค

"ย้ำทุกหน่วย ทุกสังกัด ต้องเตรียมความพร้อมและกำหนดแนวทางการปฏิบัติ ตั้งแต่ขั้นตอนการออกไปรับตัวทหารใหม่ โดยจะต้องมีการวัดอุณหภูมิและล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจลทุกครั้งก่อนขึ้นรถ หากตรวจพบว่ามีความเสี่ยงในการติดเชื้อ ณ จุดคัดกรองก่อนรับตัว จะส่งตัวให้สาธารณสุขจังหวัดกักตัวและตรวจหาเชื้อต่อไป การจำกัดจำนวนคนนั่งในรถ และสวมหน้ากากตลอดเวลา จนกระทั่งส่งมอบทหารใหม่เข้าประจำหน่วยฝึกทหารใหม่ โดยมีการจัดตั้งจุดคัดกรอง จุดบริการแอลกอฮอล์เจล และจัดหน่วยพยาบาลดูแลเรื่องการคัดกรองอาการผู้ป่วย และพร้อมประสานนำส่งโรงพยาบาล หากพบทหารใหม่ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อ"

เน้นความสะอาดทั้งหน่วยฝึก ที่พัก โรงอาหาร ต้องลดความแออัด

สิ่งสำคัญที่ "กองทัพอากาศ" จะต้องดำเนินการคือ ในเรื่องของการทำความสะอาดที่พัก สถานที่ฝึกอบรม และโรงอาหาร ให้เป็นไปตามสุขลักษณะและป้องกันการติดเชื้อ โดยได้จัดเตรียมแอลกอฮอล์เจลในทุกจุด พร้อมกำหนดมาตรการสวมหน้ากากและรักษาระยะห่าง พร้อมทั้งจัดให้มีการตรวจคัดกรองไข้ และอาการแสดงของระบบทางเดินหายใจของบุคลากรทุกคนในหน่วยฝึก และทหารใหม่ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ตลอดจนการฝึกและกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มกัน ให้เน้นมาตรการหลัก 4 ประการ ได้แก่ สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล 1-2 เมตร และลดความแออัดกับทุกกิจกรรมในห้วงการฝึก

ขอให้มั่นใจใน "กองทัพอากาศ" โดยได้เตรียมความพร้อมและดำเนินการปฏิบัติตามกรอบและมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเต็มที่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เชื่อมั่นและมั่นใจในมาตรการการดูแลบุตรหลานของท่านให้ปลอดภัย และพร้อมที่จะมาเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ กองทัพ อย่างมั่นคง

ทั้งนี้ขอให้มั่นใจ นับจากนี้ 2 ปี "ทหารใหม่" ที่จะมาอยู่ในความดูแลของ "กองทัพ" พร้อมจะสอนให้ลูก หลาน เป็นคนดี มีวินัย และทุกคนจะปลอดเชื้อ ปลอดภัยจาก "โควิด" เพราะเหล่าทัพจะดำเนินการตามนโยบาย ตามแนวทางปฏิบัติภายใต้แนวคิด "เราจะดูแล ฝึกอบรม ลูกหลานของท่านเสมือนญาติมิตร จะดูแลด้วยใจ ห่วงใยดั่งคนในครอบครัว".

ผู้เขียน : ยุทธจักรเขียว

กราฟิก : Theerapong .C