กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกพืชตระกูลกะหล่ำ อาทิ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก คะน้า ผักกาดขาวปลี และผักกาดเขียวปลี ให้เตรียมรับมือการเข้าทำลายของ หนอนใยผัก

จะมีผีเสื้อกลางคืนตัวเต็มวัยเพศเมีย บินมาวางไข่บนใบและใต้ใบพืช เมื่อฝักออกจากไข่ หนอนจะมีลักษณะเรียวยาวหัวแหลมท้ายแหลม จนบางคนเรียกว่า “ตัวจรวด” ส่วนท้ายมีปุ่มยื่นออกมาเป็น 2 แฉก ตัวหนอนจะแทะกินหัวใบด้านล่างเป็นวงกว้าง และมักจะทิ้งผิวใบด้านบนที่โปร่งแสงเอาไว้ หากมีการระบาดรุนแรงหนอนจะกัดกินใบจนเป็นรูพรุนเหลือแต่ก้านใบ ทำให้ผลผลิตเสียหาย

การป้องกันกำจัด ให้เกษตรกรใช้กับดักกาวเหนียวสีเหลืองที่เป็นทรงกระบอกหรือใช้กระป๋องน้ำมันเครื่องสีเหลืองทาด้วยกาวเหนียวทุก 7-10 วัน/ครั้ง จะสามารถจับผีเสื้อหนอนใยผักได้เฉลี่ย 16 ตัวต่อวันต่อกับดัก ในพื้นที่ 1 ไร่ หากติดตั้ง 80 กับดัก จะสามารถช่วยลดการใช้สารฆ่าแมลงได้มากกว่า 50%

ส่วนการใช้กับดักแสงไฟ ให้ใช้ หลอดสีน้ำเงิน 20 วัตต์เป็นหลอดเรืองแสงที่เหมาะสมใช้จับผีเสื้อ หนอนใยผัก มากที่สุด ซึ่งมีราคาถูกกว่าหลอด blacklight-blue 20 วัตต์ และปลอดภัยจากอันตรายของแสงอัลตราไวโอเลต โดยให้ติดตั้งกับดักแสงไฟไว้รอบนอกแปลงผักพร้อมกันในพื้นที่

...

หากระบาดมากให้พ่นด้วย สไปนีโทแรม 12% เอสซี อัตรา 40-60 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ คลอร์ฟีนาเพอร์ 10% เอสซี อัตรา 40-60 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ อินดอกซาคาร์บ 15% เอสซี อัตรา 40-60 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ โทรเฟนไพแรด 16% อีซี อัตรา 40-60 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ฟิโพรนิล 5% เอสซี อัตรา 60-80 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร...โดยฉีดพ่นสลับกลุ่มสารและใช้ไม่เกิน 2-3 ครั้งต่อฤดู

กรณีการระบาดลดลง ให้สลับใช้เชื้อแบคทีเรียเพื่อหลีกเลี่ยงหนอนใยผักสร้างความต้านทาน โดยใช้เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัสทูริงเยนซิส ในอัตรา 100-200 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร.

สะ–เล–เต