คดีทลายเครือข่ายค้าปืนเถื่อน บานไม่หุบ กองปราบปรามตรวจสอบพบของกลางเป็นปืนหลวง ที่โรงพักในสังกัดนครบาล และ บช.ภ.7 เบิกไปใช้ในราชการทั้งหมด 18 กระบอก สั่งต้นสังกัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้วว่าใครเป็นคนเบิกไปใช้แล้วเอาไปจำนำ คาดโทษเอาผิดทั้งวินัยและอาญา ส่วนปืนเอ็ม 16 เป็นของหน่วยงานทหารใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทหารคนขโมยมาขายถูกดำเนินคดีไปแล้ว ขณะที่ระเบิดสังหารวี 40 เป็นของราชการเช่นกัน อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าหน่วยงานไหนเบิกไปใช้แล้วแอบนำมาขายในตลาดมืด

กรณี พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. และ พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป.นำกำลังเปิดปฏิบัติการบุกทลายเครือข่ายค้าปืนเถื่อนออนไลน์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จ.สมุทรปราการ จ.ราชบุรี และ จ.สงขลา จับกุมผู้ต้องหาสำคัญในขบวนการได้หลายราย พร้อมกับตรวจยึดปืนของกลาง ประกอบด้วยปืนที่ใช้ในราชการสงคราม ปืนสั้น และปืนยาวรวม 154 กระบอก ระเบิดสังหารวี 40 (ลูกเกลี้ยง) 14 ลูก และเครื่องกระสุนอีกนับพันนัดตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 14 มิ.ย. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษก ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีตำรวจกองปราบปรามจับกุมเครือข่ายค้าปืนออนไลน์ และตรวจยึดปืนพกของทางราชการหลายกระบอก ว่า กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ทราบเรื่องแล้ว กำชับและมอบหมายให้ พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. ไปกำกับดูแล พร้อมให้สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สกบ.) ตรวจสอบว่ามีการปฏิบัติ กำหนดมาตรการควบคุม และการตรวจสอบเกี่ยวกับการใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนและวัตถุระเบิดของทางราชการ เป็นไปตามหนังสือ ตร.ด่วนที่สุดที่ 0008.421/ว 44 ลงวันที่ 30 ก.ย.59 หรือไม่

...

“อีกทั้งกำชับให้ผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยทุกพื้นที่ลงไปตรวจสอบ กำกับดูแลตรวจสอบคลังอาวุธและยุทธภัณฑ์ของหน่วย พร้อมมีมาตรการป้องกันดูแลเก็บรักษาอาวุธปืน เครื่องกระสุน และวัตถุระเบิดของทางราชการให้เป็นไปตามคำสั่งและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ห้ามนำอาวุธปืน เครื่องกระสุนของทางราชการไปก่อให้เกิดความเสียหายชำรุดหรือสูญหาย หากผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดปล่อยปละละเลยไม่ใส่ใจลงไปกำกับดูแลจนเกิดข้อบกพร่อง จะพิจารณาโทษด้วยเช่นกัน” รองโฆษก ตร.กล่าว

พ.ต.อ.กฤษณะเผยด้วยว่า บก.ป.จับกุมและขยายผลเกี่ยวกับการจำนำปืนออนไลน์และตรวจยึดปืนพกของทางราชการหลายกระบอก ขณะนี้ บช.น. และ บช.ภ.7 มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฯตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว หากผลตรวจสอบพบว่ามีมูลและเกิดข้อบกพร่องจะดำเนินการทางวินัยและอาญากับข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด ฝากเตือนไปถึงข้าราชการตำรวจทุกสังกัด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล เบิกจ่าย หรือเป็นผู้เบิกใช้ปืน เครื่องกระสุนของทางราชการ ขอให้เคร่งครัดการปฏิบัติตามระเบียบคำสั่งที่เกี่ยวข้อง หากไม่ปฏิบัติตามแล้วเกิดข้อบกพร่อง ปืนและเครื่องกระสุนของทางราชการเกิดชำรุดหรือสูญหายจะถูกดำเนินคดีทั้งทางวินัยและอาญาจนถึงที่สุด

ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) วันเดียวกัน รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังการจับกุมเครือข่ายดังกล่าว นำปืนของกลางที่ยึดทั้งหมดส่งให้กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ตรวจสอบว่าปืนทั้งหมดเคยนำไปใช้ก่อคดีมาหรือไม่ และมีที่มาที่ไปอย่างไร พบว่าในจำนวนปืนของกลางกว่าร้อยกระบอก มีปืนสั้นสมิธแอนด์เวสสัน 2 กระบอก ซิกซาวเออร์ 13 กระบอก และกล็อก 3 กระบอก รวม 18 กระบอก มีสัญลักษณ์ตราโล่ เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทราบว่า เป็นปืนหลวงที่ตำรวจเบิกออกมาใช้ ไม่ใช่ปืนจากโครงการสวัสดิการ ตร. จำแนกเป็นปืนที่เบิกจากคลังสังกัด บช.น. แยกเป็น สน.บางเสาธง 1 กระบอก สน.ธรรมศาลา 5 กระบอก และ สน.หลักสอง 5 กระบอก สังกัด บช.ภ.7 ประกอบด้วย กก.สส.ภ.จ.นครปฐม 2 กระบอก สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม 2 กระบอก สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร 2 กระบอก และ สภ.โคกขาม จ.สมุทรสาคร 1 กระบอก ส่วนปืนเอ็ม 16 ที่ตรวจยึดมาตรวจสอบพบว่า เป็นของหน่วยงานทหารใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ที่นำออกมาขายเป็นทหารถูกดำเนินคดีไปแล้ว ส่วนปืนเพิ่งตรวจสอบพบ

มีรายงานด้วยว่า แนวทางสืบสวนเชื่อว่า การที่ปืนหลวงเหล่านี้มาอยู่ในความครอบครองของเครือข่ายค้าปืนเถื่อนออนไลน์ น่าจะเกิดจากการที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบางนายแอบนำปืนหลวงที่เบิกออกมาเพื่อใช้ปฏิบัติราชการไปจำนำกับนายทุนรับจำนำปืนที่อยู่ในเครือข่ายปืนเถื่อนดังกล่าวเป็นการชั่วคราว แต่เครือข่ายดังกล่าวถูกตำรวจกองปราบบุกจับกุมเสียก่อนไถ่ถอนกลับมา นอกจากนี้ จากการตรวจสอบระเบิดสังหารวี 40 ที่ตรวจยึดมา เบื้องต้นพบว่าเป็นระเบิดของทางราชการเช่นกัน อยู่ระหว่างตรวจสอบเลขรหัสว่า หน่วยงานไหนเป็นผู้เบิกไปใช้ เพื่อดำเนินการตรวจสอบว่าหลุดมาอยู่ในขบวนการค้าอาวุธได้อย่างไร