แม่น้องชมพู่มอบอำนาจ “อัจฉริยะ” จัดทีมทนายความลุยสู้คดี เปิดตัว “วินัย ชุมสวัสดิ์” เป็นหัวหน้าทีมทนาย เตรียมเป็นโจทก์ร่วมหากอัยการสั่งฟ้อง แต่ถ้าอัยการสั่งไม่ฟ้องจะยื่นฟ้องเอง พร้อมแบ่งทีมปกป้องสิทธิ์พ่อแม่น้องชมพู่ เผยโล่งอกดีใจมีคนยื่นมือมาช่วย เชื่อมั่นพยานหลักฐานของตำรวจ ด้านทนายตั้มพาลุงพลบุกสภาฯยื่นหนังสือร้องเรียน “สิระ” ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ ผบ.ตร.และตำรวจชุดจับกุม ยังไม่รับเรื่องพิจารณา ต้องรอเข้าที่ประชุม กมธ.สัปดาห์หน้า เตรียมพาคณะลุยบ้านกกกอกวันเสาร์นี้ ไม่สน “อัจฉริยะ” ไม่ให้พบแม่น้องชมพู่ ขณะที่ลุงพลยันจะเคารพการตัดสินของศาลและไม่หนีไปไหน
คดีการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่” เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่หายตัวจากบ้านในหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ก่อนจะพบเป็นศพเปลือยอยู่ในป่าบนภูเหล็กไฟ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.63 กระทั่งวันที่ 2 มิ.ย.64 ตำรวจจับกุมนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ขณะจะเข้ามอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามหมายจับฐานความผิด 3 ข้อหา พรากผู้เยาว์ ทอดทิ้งเด็กเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และกระทำการใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อมทำให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ภายหลังศาลจังหวัดมุกดาหารอนุญาตให้ลุงพลได้ประกันตัวไป มีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เป็นทนายความให้ ทางด้านนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ เตรียมเปิดตัวทีมทนายความในการต่อสู้คดีเช่นกัน

...
ที่ห้องอาหารโรงแรมมุกดาวิว อ.เมืองมุกดาหาร เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 มิ.ย. นางสาวิตรี และนายอนามัย วงศ์ศรีชา แม่และพ่อของน้องชมพู่ พร้อมด้วยนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ร่วมแถลงเปิดตัวนายวินัย ชุมสวัสดิ์ ทนายความของครอบครัวของน้องชมพู่ โดยนายวินัยเป็นหัวหน้าทีมทนายความในการต่อสู้คดีให้แม่น้องชมพู่ ส่วนนายอัจฉริยะ เป็นที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย
นายอัจฉริยะเผยว่า ได้รับมอบอำนาจจากพ่อและแม่ของน้องชมพู่ เป็นผู้จัดหาทนายความให้ นายวินัย ชุมสวัสดิ์ เป็นหัวหน้าทีมทนายความคดีนี้ยังอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวนรอส่งอัยการ หากพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องจะทำหน้าที่เป็นโจทก์ร่วม แต่หากอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องก็จะยื่นฟ้องเอง มีทนายความช่วยเหลืออีก 3 คน แต่ยังไม่ขอเปิดเผยตัว การทำงานของทีมทนายความแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ 2 คนแรกเป็นทีมทนายความทำคดีของน้องชมพู่ และอีก 2 คนทำหน้าที่ปกป้องสิทธิของพ่อและแม่น้องชมพู่ จะดำเนินคดีกับผู้ให้ร้ายหรือกล่าวหาพ่อและแม่ของน้องชมพู่ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะในคดีนี้และเชื่อมั่นในหลักฐานต่างๆของทีมตำรวจของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ยืนยันการสู้คดีไม่มีค่าใช้จ่าย
นายอัจฉริยะเผยต่อไปว่า ทำงานช่วยเหลือมามากกว่า 9 ปี คดีน้องชมพู่ตนลงพื้นที่มามากกว่า 7 เดือน เชื่อมั่นการทำงานของชุดสืบสวนสอบสวนถือเป็นทีมพระกาฬ และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ส่วนเรื่องที่นายสิระ เจนจาคะ จะเดินทางมาหาแม่น้องชมพู่ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ ตนในฐานะที่ดูแลครอบครัวของน้องชมพู่ อยากฝากขอบคุณนายสิระ แต่ขอไม่อนุญาตให้มาพบเพราะไม่อยากให้คดีนี้เกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่ขอฝากอะไรไปถึงทนายความของอีกฝ่าย แต่ขอฝากให้คิดถึงความผิดเพี้ยนของสังคมที่เห็นผู้ต้องหากลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ ทั้งที่ตำรวจมีพยานหลักฐานเด็ดอยู่ในมือและมีผู้สูญเสียจากเหตุการณ์นี้
ขณะที่นายวินัย ชุมสวัสดิ์ หัวหน้าทีมทนาย ความของแม่น้องชมพู่ กล่าวว่า ไม่ได้กังวลใจอะไร แต่อยากจะชี้แจงเรื่องอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยครอบครัวน้องชมพู่ เรื่องนี้ฮีโร่ที่แท้จริงคือตำรวจและผู้เชี่ยวชาญที่วิเคราะห์หลักฐานต่างๆ รวมถึงพนักงานอัยการที่รับเรื่องส่งฟ้อง ส่วนตนเข้ามาให้กำลังใจและให้คำปรึกษาเรื่องข้อกฎหมาย ยืนยันเรื่องนี้ไม่ได้เป็นศึกของทนาย เพราะความจริงคือความสูญเสียของครอบครัวน้องชมพู่ ไม่ได้กังวลใจเรื่องการหาจุดอ่อนของหลักฐานต่างๆ เพราะเชื่อว่าตำรวจมีหลักฐานค่อนข้างชัดเจนและหลายอย่าง แต่ไม่สามารถเอาออกมาเปิดเผยได้และไม่มีวันเปิดเผยออกมา ภายหลังการแถลงข่าว พ่อและแม่ของน้องชมพู่นำดอกไม้มอบให้กับทีมทนายความและนายอัจฉริยะเพื่อแสดงความขอบคุณ รู้สึกดีใจและโล่งอก เหมือนยกภูเขาออกจากอก ที่มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแบ่งเบาให้คลายทุกข์

ส่วนความเคลื่อนไหวของลุงพล ช่วงเช้าวัน เดียวกัน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม พร้อมนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล และนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น เดินทางไปยังวัดท่ากระบือ ต.บางยาง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เข้ากราบไหว้ปิดทองรูปหล่อองค์จำลองหลวงพ่อรุ่งขนาดเท่าองค์จริง ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าและใต้ฐานหลวงพ่อรุ่งองค์ใหญ่ พร้อมทั้งเคาะระฆังเสริมความเป็นสิริมงคล ทนายตั้มกล่าวว่า ที่พาลุงพลกับป้าแต๋นมาไหว้พระขอพรจากองค์หลวงพ่อรุ่งองค์ใหญ่เพราะตนมีบ้านอยู่แถวนี้ และที่ผ่านมาการทำคดีที่ใหญ่ๆสำคัญๆจะพาลูกความมาไหว้หลวงพ่อรุ่งแล้วประสบความสำเร็จทุกคดี คดีลุงพลยืนยันว่าไม่มีความหนักใจ รู้สึกสบายใจที่ได้ทำบุญ
...
จากนั้นในช่วงบ่าย ทนายตั้มพาลุงพลและป้าแต๋นเดินทางไปยังรัฐสภา เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนกับนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ประธานคณะกรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และเจ้าพนักงาน หลังไม่ยอมรับการมอบตัวของลุงพล พร้อมให้ตรวจสอบการส่งสำนวนคดี การยื่นคำร้องฝากขัง และการคัดค้านการประกันตัว ทั้งที่ลุงพลแสดงความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้คิดหลบหนี
นายสิระกล่าวว่า ลุงพลติดใจที่ศาลพิจารณาออกหมายจับ ยืนยันว่าตนจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสำนวนคดี เบื้องต้นยังไม่รับเรื่องร้องเรียนไว้พิจารณา จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม กมธ.ในสัปดาห์หน้า ขึ้นอยู่กับว่าที่ประชุมจะรับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่ ย้ำว่าการดำเนินการต่างๆจะไม่ก้าวล่วงพยานหลักฐานและสำนวนคดีต่างๆ หาก กมธ.บรรจุวาระเรื่องดังกล่าวค่อยมาถามว่าจะให้ใครมาชี้แจงให้ข้อมูล
“ผมจับพฤติกรรมของ ผบ.ตร.เคยประกาศว่า จะจับผู้ร้ายให้ได้ภายใน 1 ปี และประจวบเหมาะว่าการออกหมายจับครั้งนี้ครบ 1 ปีพอดี ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นความบังเอิญหรือมีการกดดันเจ้าหน้าที่หรือไม่ ในวันเสาร์ที่ 12 มิ.ย. ผมและ กมธ.จะลงพื้นที่บ้านกกกอกไปพบกับแม่ของน้องชมพู่ และพนักงานสอบสวนเพื่อสอบถามว่าถูกกดดันในการทำคดีหรือไม่ ฝากถึงแม่น้องชมพู่ว่าอย่าให้ใครมาปิดช่องทางและโอกาสจะได้รับความช่วยเหลือด้านความยุติธรรม แต่มีคนมาเบรกว่าอย่าไป นายอัจฉริยะระบุว่าต้องขออนุญาตก่อน ผมตกใจว่านายอัจฉริยะเป็นใคร ผมไม่ได้รู้จักไม่ได้ติดใจ แต่ต้องไปพบแม่น้องชมพู่เพราะรับปากลุงพลและแม่น้องชมพู่ว่าจะเข้ามาดูแลความยุติธรรม การมาปิดกั้นแบบนี้ขอให้พิจารณาตัวเองด้วย และให้สังคมช่วยพิจารณาว่าเป็นอย่างไร ยืนยันว่าการยื่นเรื่องร้องเรียนวันนี้ไม่เกี่ยวกับการกลบข่าวพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน หรือเรื่องการเมืองขออย่าเอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง” นายสิระกล่าว
...
ด้านนายษิทรากล่าวว่า มายื่นเรื่องร้องเรียนเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากตำรวจในการออกหมายจับ ยืนยันว่าลุงพลไม่มีพฤติกรรมหลบหนี แต่เจ้าพนักงานไปทำคำร้องออกหมายจับอ้างเหตุว่ามีพฤติกรรมหลบหนีทำให้ศาลหลงเชื่อและออกหมายจับ หลังออกหมายจับได้ไปมอบตัว แต่ ผบ.ตร.กลับไม่ยอมรับมอบตัว และทำบันทึกการจับกุมเพื่อให้ลุงพลได้รับความอับอาย มีผลต่อการคัดค้านการประกันตัวในชั้นศาล ส่วนที่แม่ของน้องชมพู่บอกในศาลว่าที่ทำคำร้องทั้งหมดเพราะตำรวจแนะนำ ทำให้เห็นว่าตำรวจไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับลุงพล และเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อให้ลุงพลดูเป็นผู้ร้าย ต้องใช้กำลังตำรวจเข้าจับกุมล็อกกุญแจมือ ทั้งที่เข้ามอบตัวแล้ว ต้องมาขอความเป็นธรรมให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ ผบ.ตร.และเจ้าพนักงานสอบสวน รวมถึงคนที่เข้าให้การในชั้นศาล
เมื่อถามถึงกรณีที่แม่น้องชมพู่แต่งตั้งนายวินัย ชุมสวัสดิ์ เป็นทนายความต่อสู้คดี มีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เป็นที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ทนายตั้มกล่าวว่า ในฐานะทนายความรู้สึกดีใจที่ผู้เสียหายมีทนายความมารักษาสิทธิ์ให้ ไม่ขัดข้อง ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าตั้งทีมทนายที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันนั้น ตนไม่คุ้นชื่อนี้ เขาอาจจะเก่งมีความรู้ความสามารถ ส่วนกรณีที่นายวินัยเป็นทีมทนายของนายอัจฉริยะก็ไม่วิตกกังวล เพราะนายอัจฉริยะฟ้องตนมาแล้วร่วม 10 คดีแต่ไม่มีคดีไหนเลยที่ชนะ
ขณะที่ลุงพลกล่าวว่า อยากให้ กมธ.กฎหมายฯทำงานรอบคอบตรงไปตรงมาเพื่อเป็นบรรทัดฐานให้ทุกคนได้รับความยุติธรรม ยืนยันพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เชื่อว่าคนไทยทุกคนต้องการความยุติธรรมและความเสมอภาค ส่วนที่ประชาชนมองว่าเราเป็นคนร้ายไปแล้วนั้น ได้อ่านคอมเมนต์ในโซเชียลมีเดียแบบผ่านๆ เพราะทุกคนสามารถแสดงความเห็นได้ แต่ขอให้ยืนอยู่บนความถูกต้อง
...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายของการแถลงข่าว นายสิระได้ให้ลุงพลสัญญากับประชาชนว่า ต้องยอมรับในดุลพินิจของศาล โดยลุงพลกล่าวยืนยันว่า “จะเคารพการตัดสินของศาลและไม่มีทางที่จะหนีไปไหน” ภายหลังการแถลงข่าว ป้าแต๋นได้ยื่นผ้าทอมือของดีจาก จ.มุกดาหาร ให้ลุงพลนำไปผูกเอวนายสิระ ทั้งนี้ นายสิระพูดติดตลกว่า ของชิ้นนี้ราคาไม่เกิน 3,000 บาท ใช่หรือไม่