สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจและสังคมให้ความสนใจอย่างมาก เกี่ยวกับการเข้ามอบตัวของลุงพล ซึ่งลุงพลตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา โดยถูกแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น 3 ข้อหา ได้แก่
1. พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร
2. ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย
3. กระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป
เมื่อศาลอนุมัติหมายจับลุงพลแล้ว ลุงพลก็ได้ประสานกับทนายความ เพื่อขอเข้ามอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อมาถูกควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ สถานีตำรวจภูธรกกตูม จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นท้องที่ที่เกิดเหตุ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอฝากขังและขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นศาล
มีประเด็นปัญหาข้อกฎหมายที่น่าสนใจ คือ พนักงานสอบสวนมีอำนาจควบคุมตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาได้กี่ชั่วโมง เริ่มนับตั้งแต่เมื่อไหร่ และหากเกิน 48 ชั่วโมงแล้วพนักงานสอบสวนไม่ได้ขอฝากขังต่อศาล ผลจะเป็นอย่างไร
...
พนักงานสอบสวนมีอำนาจควบคุมตัวผู้ถูกจับไว้ 48 ชั่วโมง เท่าที่มีความจำเป็นตามพฤติการณ์แห่งคดี เพื่อสอบคำให้การ และรู้ตัวว่าเป็นใคร มีที่อยู่ที่ไหน ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาตรา 7 หรือ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 เป็นต้น ก่อนครบ 48 ชั่วโมง พนักงานสอบสวนจะต้องนำตัวผู้ถูกจับกุม หรือผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลและในบางคดีจะต้องขอผัดฟ้องด้วย
โดยมีปัญหาถกเถียงกันว่า พนักงานสอบสวนมีอำนาจควบคุมตัวผู้ถูกจับกุม 48 ชั่วโมงนั้น เริ่มนับตั้งแต่ถูกจับกุมโดยรวมระยะเวลาเดินทางด้วยหรือไม่ ซึ่งแนวคำพิพากษาของศาลฎีกาได้วินิจฉัยตรงกันว่ากำหนดเวลา 48 ชั่วโมงนับแต่เวลาที่ผู้ต้องหาถูกจับ แต่ไม่ให้นับเวลาเดินทางตามปกติที่ต้องนำตัวผู้ต้องหาจากที่จับมายังที่ทำการของพนักงานสอบสวน และจากที่ทำการของพนักงานสอบสวนและ/หรือจากที่ทำการของพนักงานอัยการมาศาลเข้าในกำหนดเวลา 48 ชั่วโมงนั้นด้วย
ในกรณีที่พนักงานสอบสวนควบคุมตัวผู้ต้องหาหรือผู้ถูกจับเกิน 48 ชั่วโมง ต่อมาพนักงานสอบสวนไม่ได้ขอฝากขังต่อศาล พนักงานสอบสวนจะต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาทันที โดยไม่ต้องใช้หลักประกัน แต่ทั้งนี้ไม่กระทบต่อกระบวนการสืบสวนสอบสวนของพนักงานสอบสวน กล่าวคือ พนักงานสอบสวนยังสามารถที่จะสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน มีความเห็นสั่งฟ้อง หรือสั่งไม่ฟ้องต่ออัยการได้ และพนักงานอัยการก็ยังมีอำนาจฟ้องต่อศาลได้เช่นกัน
เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5489/2552
คดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษา แม้โจทก์ยื่นฟ้องวันที่ 28 พฤษภาคม 2551 เวลา 13.55 น. ซึ่งนับแต่เวลาจับกุมวันที่ 26 พฤษภาคม 2551 เวลา 13.10 น. โจทก์ยื่นฟ้องคดีต่อศาลเป็นระยะเวลา 48 ชั่วโมง 45 นาที ก็ตาม แต่ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงฯ มาตรา 7 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า เมื่อมีการจับตัวผู้ต้องหาแล้ว ให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ เพื่อให้พนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาลแขวงให้ทันภายในกำหนดเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาที่ผู้ต้องหาถูกจับ แต่มิให้นับเวลาเดินทางตามปกติที่นำตัวผู้ต้องหาจากที่จับมายังที่ทำการของพนักงานสอบสวน จากที่ทำการของพนักงานสอบสวนและหรือจากที่ทำการของพนักงานอัยการมาศาลเข้าในกำหนดเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงนั้นด้วย
เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984/2529
ผู้ต้องหาถูกจับกุมเวลา 23.50 นาฬิกา ของวันที่ 12 กันยายน 2527 และถูกนำตัวมาถึงสถานีตำรวจหลังเวลา 00.00 นาฬิกา ของวันที่13 กันยายน 2527 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 ให้เริ่มนับเวลาควบคุมตั้งแต่เวลาที่ผู้ถูกจับมาถึงที่ทำการของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ ดังนั้น การที่พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหามาฝากขังต่อศาลในวันที่ 19 กันยายน 2527 จึงยังไม่เกินเจ็ดวัน
...
สุดท้ายนี้ หากท่านทราบว่า ถูกออกหมายจับ ท่านควรเข้าพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจที่อยู่ใกล้ที่สุด เพื่อแสดงเจตนาที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และแสดงให้เห็นเจตนาว่า ท่านไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการพิจารณาอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวของศาลและพิจารณาหลักประกันในการขอปล่อยตัวชั่วคราวครับ
สำหรับท่านที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมล์มาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยครับ
Facebook: ทนายเจมส์ LK
Instagram: james.lk