ศักดิ์สยาม ประสาน สธ. ขอรถตรวจโควิด-19 เคลื่อนที่ ตรวจหาเชื้อบุคลากรหน่วยงานหลัก พบติดเชื้อสะสม 303 ราย
วันที่ 9 พ.ค. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จากการระบาดของโควิด-19 ต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล กระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักให้บริการระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภท ทำให้ผู้ปฏิบัติงานส่วนมากเป็นงานอยู่ด่านหน้าและพบปะคนจำนวนมากทำให้มีความเสี่ยงสูงจะติดเชื้อ ส่งผลกระทบทั้งในส่วนของประชาชนใช้บริการและพนักงานผู้ให้บริการ
ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นทั้งผู้ปฏิบัติงานและผู้มาใช้บริการ จึงได้ขอความอนุเคราะห์ไปยังกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อขอรถตรวจโควิด-19 เคลื่อนที่ มาให้บริการผู้ปฏิบัติงานในสังกัดกรมการขนส่งทางบก, องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ, บริษัท ขนส่ง จำกัด, การรถไฟแห่งประเทศไทย และ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ จากรายงานล่าสุด วันนี้ (9 พ.ค.) พบว่า จากจำนวนบุคลากรคมนาคมทั่วประเทศ จากหน่วยงานในสังกัด จำนวน 20 หน่วยงานกว่า 112,634 คน มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ 13 ราย มีผู้ติดเชื้อสะสม 303 ราย เฝ้าระวังสะสม 1,567 ราย
และจากข้อมูลสถิติผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ และสถิติการรักษาหายแล้วของกระทรวงคมนาคมทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. - 9 พ.ค.2564 พบว่า อัตราการติดเชื้อใหม่เฉลี่ยอยู่ที่ 10.8 ราย/วัน ในขณะที่อัตราการรักษาหายแล้วอยู่ที่ 12.4 ราย/วัน ซึ่งสูงกว่าอัตราการติดเชื้อใหม่ คิดเป็น 15%
นอกจากนั้นยังพบว่า หน่วยงานของคมนาคม 2 หน่วยงาน คือ กรมการขนส่งทางราง และโรงแรมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำกัด ไม่มีผู้ติดเชื้อ และอีก 13 หน่วยงานที่ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่แล้วประกอบด้วย สำนักปลัดกระทรวงคมนาคม, กรมเจ้าท่า, กรมการขนส่งทางบก, กรมท่าอกาศยาน, กรมทางหลวงชนบท, สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร, การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย, การทางพิเศษแห่งประเทศไทย, สถาบันการบินพลเรือน, บริษัท ขนส่ง จำกัด, บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย และบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด
...
ส่วนอีก 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมทางหลวง, การรถไฟแห่งประเทศไทย, การท่าเรือแห่งประเทศไทย, องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ, และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ยังคงมีอัตราการติดเชื้อคงที่
นอกจากนั้นจากการเฝ้าระวังพบว่า ในวันที่ 1 พ.ค.64 จำนวนผู้เฝ้าระวัง 1,749 คน ได้พ้นระยะเฝ้าระวังแล้ว โดยปัจจุบันเหลือเพียง 1,567 คน ซึ่งลดลงกว่า 10%.