ถือเป็นอีกกลุ่มเสี่ยงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงภารกิจการปฏิบัติหน้าที่ เกราะคุ้มกันชั้นดี คือ “วัคซีน” ที่ต้องเร่งให้ตำรวจทุกนายคลายกังวลจากผลกระทบการระบาดของเชื้อไวรัส “ไข้หวัดมรณะ”
หลายกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำลังประสบปัญหา
ว่าด้วยโควตากันจัดสรร “วัคซีนซิโนแวค”
แม้จะมีเอกสารด่วนที่สุดของ นายโอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจัดหวัดในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด
ขอให้จัดลำดับความสำคัญฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 อ้างถึงกรมควบคุมโรคได้จัดส่ง “วัคซีนซิโนแวค” สำหรับให้บริการแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่มี อายุระหว่าง 18-59 ปี จำนวน 3 กลุ่ม
มีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ตำรวจและทหารด่านหน้าที่มีโอกาสสัมผัสผู้ติดเชื้อไวรัส และประชาชนที่มีโรคประจำตัว
ต่อมาสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้สถานพยาบาลไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ทั้งหมด บางจังหวัดต้องจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ต้องระดมสรรพกำลังบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อ
จำเป็นต้องพิจารณา จัดลำดับความสำคัญ กลุ่มเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าเป็น “ลำดับแรก”
“โควตาวัคซีน” นับแสนโดสถึงถูกเบียดจนแทบไม่เหลือให้ ตำรวจกลุ่มเสี่ยง เหมือนกัน
แต่ไม่เลวร้ายเท่าโดนเจียดไปแอบแบ่งฉีด ญาติมิตร คนสนิทใกล้ชิด “ผู้มีอำนาจ” ในพื้นที่ ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย
...
ตลกร้ายที่เอาความตายของตำรวจเป็นเดิมพัน.
สหบาท