ช่วงต้นเดือน ต.ค.2563 ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย (ในขณะนั้น) ได้เดินทางมาขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อเดินทางไปปฏิบัติราชการ นึกขึ้นได้ว่าลืมกระเป๋าไว้ที่บริเวณห้องโถงอาคารที่พักผู้โดยสารขาออก ที่อาคาร 1 ชั้น 3

ผู้เสียหายแจ้งประสานเจ้าหน้าที่การท่าอากาศยานดอนเมืองทำการตรวจสอบจุดที่ลืมกระเป๋าไว้ การท่าอากาศยานดอนเมืองแจ้งให้เจ้าหน้าที่งานตระเวนระงับเหตุฝ่ายรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานดอนเมือง

ซึ่งมี นายธนู เสาธงทอง ปฏิบัติหน้าที่ในขณะนั้น ไปตรวจสอบ แต่กลับไม่นำกระเป๋าที่พบมาส่งมอบจุดเก็บของหายในสนามบินตามระเบียบ เจ้าหน้าที่ตระเวนการท่าอากาศยานกระจายกันค้นหากระเป๋าพบถูกวางทิ้งไว้ข้างเสาใกล้ห้องน้ำ เมื่อผู้เสียหายตรวจสอบกระเป๋าภายหลังกลับพบว่า มีพระสมเด็จวัดระฆังมูลค่าหลายล้านบาทหายไป 1 องค์

รวมถึงเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง

เมื่อเรียกนายธนูมาสอบถามกลับให้การปฏิเสธ ผู้เสียหายแจ้งความไว้ที่ สน.ย่อยท่าอากาศยานดอนเมือง หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าหลังจากนายธนูหยิบกระเป๋ามาจากจุดที่พบเพื่อนำส่งคืนเจ้าของ ได้เดินมุ่งหน้าตรงไปยังห้องน้ำ ก่อนจะนำกระเป๋าออกมาวางไว้ที่ข้างเสาและเดินไปทำงานตามปกติ

เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานและเรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหา แต่ไม่สามารถติดตามตัวนายธนูได้ พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับ ก่อนเร่งติดตามตัว

พล.ต.ต.อัศวยุทธ นุชพุ่ม ผบก.ประจำ บช.น. รรท.ผบก.2 พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.ดอนเมือง พ.ต.ท.อดิเรก ทองแกมแก้ว รอง ผกก.สน.ดอนเมือง ได้เร่งรัดสืบสวนติดตามคดีทราบว่า หลังนายธนูถูกออกหมายจับ หลบหนีไปพักอยู่ที่บ้านเขาดินเหนือ หมู่ที่ 3 ต.เขาดินเหนือ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์

...

พ.ต.ต.วุฒิชัย บุญยู้ สว.สส.สน.ดอนเมือง ร.ต.อ.ภาคิน ดอกไม้ ร.ต.อ.สมโชค คงตำหนิ รอง สว.สส.สน.ดอนเมือง และ ฝ่ายสืบสวน สน.ดอนเมือง จับกุมนายธนูได้ที่บ้าน จ.บุรีรัมย์

ผู้ต้องหาไม่รับว่าลักพระผู้เสียหายไป

คดีนี้ถือว่าเป็นความเสียหายอย่างมากของการท่าอากาศยานดอนเมือง เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ รปภ.ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยภายในสนามบินดอนเมือง แต่กลับมาก่อเหตุลักทรัพย์สินของผู้โดยสารเสียเอง เป็นเรื่องความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการสนามบิน ที่รองรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ

ความโชคดีที่ “กล้องวงจรปิด” จับภาพผู้ก่อเหตุไว้ และชุดสืบสวน สน.ดอนเมือง ตามจับคนร้าย

ส่วนมาตรการต้องมาทบทวนกันครั้งใหญ่.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th