วิสาหกิจชุมชนดอยห่มอธิฐาน บ.ผาแดง ต.บ้านร้อง อ.งาว จ.ลำปาง ถือเป็นอีกแบบอย่างของการทำเกษตรในยุคปัจจุบันที่รู้จักเอาความรู้ทางวิชาการเกษตรมาใช้ประโยชน์ จนนำไปสู่การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร สร้างรายได้ให้กับชุมชนได้มากกว่าการทำเกษตรตามยถากรรมแบบเดิมๆ
“แต่เดิมชาวบ้านที่นี่จะปลูกพืชสมุนไพร ว่านหางจระเข้ ตะไคร้หอม ขิง ข่า ขมิ้นชัน ส่งขายให้กับพ่อค้าคนกลางที่มารับซื้อถึงหมู่บ้าน เราขายเป็นวัตถุดิบให้เขา ปัญหาที่เจอบ่อยขายไม่ได้ราคา อาศัยที่ตัวเองพอมีความรู้เรียนจบ ปวส. ด้านเกษตร จึงพยายามคิดหาวิธีที่จะแปรรูปสินค้าของเรา เพื่อหนีปัญหาถูกกดราคารับซื้อ
หาความรู้ทางอินเตอร์เน็ตในกูเกิลนี่แหละ จนได้ข้อมูลงานวิจัยขมิ้นชันพันธุ์แดงสยามที่แม่ปลูกไว้แค่ย้อมผ้า มีสรรพคุณมากกว่านั้น เพราะมีสารสำคัญ เคอร์คูมินอยด์สูงกว่าขมิ้นชันพันธุ์อื่นๆ มีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยป้องกันมะเร็งในกระเพาะอาหาร ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพของเซลล์ให้แข็งแรง รวมทั้งผิวเปลือกขมิ้นชันยังมีโวลาไทออย ช่วยบำรุงผิวพรรณอีกด้วย”
...
น.ส.กันยา อามง ชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่าวัย 27 ปี ผู้ริเริ่มก่อตั้งวิสาหกิจชุมชนดอยห่มอธิฐาน นอกจากจะมีดีกรีเรียนจบ ปวส. จากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี พะเยา ยังผ่านการฝึกงานในบริษัทด้านเกษตรจากญี่ปุ่นนานถึง 3 ปี เล่าถึงที่มาของการแปรรูปขมิ้นชันแดงสยาม ด้วยการเข้าอบรมกับ ศูนย์การเรียนรู้ลานพิณาไล ในโครงการสมุนไพรเพื่อชีวิต ผลิตเพื่อชุมชน มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากกลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสาธารณสุขเชียงใหม่ มาเป็นวิทยากรให้ความรู้ในเรื่องการแปรรูป
“ที่นี่เราจะปลูกพืชสมุนไพรและพืชผักสวนครัวหลายชนิด ปลูกแบบอินทรีย์ไม่ใช้สารเคมีเลย เพราะมีน้องชายเรียนจบด้านเกษตรมาเหมือนกัน มีความรู้และทำปุ๋ยหมัก สารชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืชไว้ใช้เอง แต่หลังจากมารู้ถึงสรรพคุณของขมิ้นชันแดงสยาม เราเลยเน้นปลูกขมิ้นชันพันธุ์นี้เป็นหลักมากกว่าสมุนไพรตัวอื่น แต่กว่าจะพบวิธีปลูกที่ลงตัวได้ผลผลิตสูง ต้องใช้เวลาในการปลูกทดสอบเปรียบเทียบวิธีการให้น้ำให้ปุ๋ยนานถึง 2-3 ฤดูเลยทีเดียว”
จากวิธีการปลูกแบบเดิมๆ ปลูกตามยถากรรมไม่ค่อยเอาใจดูแล ให้ปุ๋ยบ้างไม่ให้บ้าง หวังพึ่งแต่การรดน้ำเป็นหลัก กันยานำวิธีการปลูกพืชที่ได้เรียนรู้มาจากญี่ปุ่นมาปรับใช้
เริ่มตั้งแต่วัดค่าดิน ปรับปรุงดินให้มีค่าเป็นกรดอ่อนๆ pH 5.5-6 การให้น้ำจากเดิมที่ชาวบ้านรดกันทุกวันจนทำให้เป็นโรคหัวเน่า เปลี่ยนมาให้น้ำจนชุ่ม แล้วเว้นไป 2 วัน การให้ปุ๋ยก็เช่นกันจากเดิมที่ชาวบ้านไปซื้อขี้วัวมาใช้ เปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยหมักทำเองที่มีจุลินทรีย์ช่วยให้พืชได้รับธาตุอาหารมากกว่า พร้อมกับทำฮอร์โมนฉีดพ่นเอง ส่งผลให้ต้นขมิ้นชันเติบโตแข็งแรง
ต้นสูงท่วมหัวคน...ได้ผลผลิตเพิ่มจากไร่ละ 300-400 กก. เป็นไร่ละ 1,000 กก.
...
“เทคนิคการปลูกพืชสำคัญที่ได้มาจากญี่ปุ่น แต่เกษตรกรบ้านเราไม่ค่อยทำกัน นั่นคือการดูแลเอาใจใส่แปลงปลูก ญี่ปุ่นเขาเอาใจใส่ดูแลตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ไปจนถึงเก็บเกี่ยว ขมิ้นชันที่เราปลูกเคล็ดลับสำคัญทำให้เราได้ผลผลิตสูง อยู่ตรงเอาใจใส่ดูแลนี่แหละ หมั่นขยันเดินตรวจแปลงดูว่าต้นขมิ้นชันเป็นยังไง ใบเหลือง ใบเหี่ยวมั้ย สาเหตุเกิดจากอะไร ถอนขึ้นมาดูว่าเป็นเพราะโรค หรือแมลงศัตรูพืชรบกวน จากนั้นทำสารชีวภัณฑ์ที่เราทำเองมาจัดการกับปัญหานั้นๆ”
จากการเอาใจใส่ดูแลแปลงปลูกจนได้ผลผลิตสูง ขมิ้นชันแดงสยามหัวสด 5 กก. นำมาแปรรูปเป็นผงขมิ้นชันแห้งได้ 1 กก. สามารถนำมาต่อยอดเป็นส่วนผสมกับสมุนไพรตัวอื่นๆที่ปลูกเอง ในสารพัดผลิตภัณฑ์ ที่มีตั้งแต่ สเปรย์กันยุง, โลชั่นกันยุง, สบู่, ครีมอาบน้ำ, แชมพู...ช่วยเพิ่มมูลค่าขมิ้นชันหัวสดจากที่เคยขายได้แค่ กก.ละ 9 บาท ขึ้นมาเป็น กก.ละ 1,000 บาท
สนใจผลิตภัณฑ์วิสาหกิจชุมชนดอยห่มอธิฐานของเกษตรกรรุ่นใหม่ 7 คนที่รวมตัวกันพลิกโฉมการทำเกษตรแบบดั้งเดิม เพื่อให้ชุมชนเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง ติดต่อได้ที่ 08-2184-2451 หรือเฟซบุ๊ก : ดอยห่มอธิฐาน.
...
ชาติชาย ศิริพัฒน์