นามปากกา โชติช่วง นาดอน ที่เขียนเรื่อง หลักฐานการเล่นน้ำสงกรานต์ ใน “ทางอีศาน” ฉบับ เม.ย.64 ทำให้ผมได้ความรู้ลุ่มลึกกว่าเรื่องสงกรานต์ที่เคยอ่านมาก่อน

คนไทยเล่นน้ำสงกรานต์กันมานาน แต่เอาเข้าจริงๆ เช่น จะเข้าใจว่า ในยุครัชกาลที่ห้า ชาวกรุงเทพฯนิยมสาดน้ำสงกรานต์กันหรือไม่ ก็ยืนยันกันไม่ได้

หลักฐานว่าชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เล่นน้ำสงกรานต์ที่เก่าแก่ที่สุด โชติช่วง นาดอน บอกว่า คือภาพภาพหนึ่งที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ที่มีชื่อว่า The Graphic ฉบับวันที่ 7 มกราคม ค.ศ.1888 (พ.ศ.2431)

เป็นภาพประชาชนพม่าชาวมัณฑเลย์ สาดน้ำใส่ชาวอังกฤษเจ้าอาณานิคมผู้ขี่ม้า มีคำบรรยายใต้ภาพว่า “ปีใหม่พม่า มุมอบอุ่นในมัณฑเลย์”

ในประเทศไทย “ทวาทศมาส” หนังสือวรรณคดีเกี่ยวกับประเพณีสิบสองเดือนกรุงศรีอยุธยา ก็ไม่มีบันทึกเล่าเรื่องการเล่นสาดน้ำสงกรานต์ของราษฎร

หลักฐานสมัยรัชกาลที่ห้าไม่มี หลักฐานมีในพม่า ทั้งพม่ายังมีนิทานเล่าเรื่องต้นตอการสาดน้ำ อยู่ในราชวงศ์ปกรณ์ หรือพงศาวดารพม่าฉบับอูกะลา (พ.ศ.2267)

เรื่องเกิดในรัชกาลนรสีหบดีเต๊ะ (พ.ศ.1799-1830) เอกสารไทยเรียกพระเจ้านรสีหบดี อีกชื่อ “พระเจ้าหนีจีน” เหตุเพราะตอนนั้นกองทัพมองโกลของพระเจ้ากุบไลข่านยกมาตีพุกาม พระองค์สู้ไม่ไหว หนีลงมาทางพม่าตอนล่าง

ทรงมีพระมเหสี ชื่อพระนางพวาซอ มีพระสนมมากมาย ที่ทรงโปรดรับใช้ใกล้ชิด มีสองพระสนมซอลง และพระสนมซอเม่า

ถึงสงกรานต์ฤดูเดือนที่มีอากาศร้อน พระองค์มักแปรพระราชฐานออกไปเล่นน้ำที่ริมฝั่งแม่น้ำเป็นเวลานานๆ

ในบรรยากาศแปรพระราชฐานนี่เอง พระเจ้านรสีหบดี ทรงตั้งใจจะหยอกพระสนมซอลง ทรงสั่งพระสนมอื่นแอบสาดน้ำใส่ตั้งแต่หัวจดเท้า เผ้าผมเสื้อผ้าเปียกปอน โดยไม่ทันรู้ตัว

...

ความสนุกสนานของพระเจ้านรสีหบดี พระสนมซอลงไม่สนุกด้วย คิดว่าถูกกลั่นแกล้ง จึงผูกใจอาฆาตแค้น รุนแรงถึงขนาดวางแผนฆ่าพระเจ้านรสีหบดี

วันหนึ่ง ถึงเวรยกพระกระยาหารไปถวาย นางก็ใส่ยาพิษลงไป แล้วออกอุบาย ตัวเองไม่สบาย วานให้พระสนมซอเม่ายกพระกระยาหารไปแทน

ระหว่างทาง มีสุนัขวิ่งคลอเคลีย พระสนมซอเม่าหยิบพระกระยาหารบางส่วนโยนให้มันกิน สุนัขตายต่อหน้า พระสนมซอเม่าตกใจ เรื่องถึงพระเจ้านรสีหบดี พระสนมซอลงก็ถูกประหาร

โชติช่วง นาดอน ตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเศร้า ไม่น่าจะเป็นการสร้างความนิยมให้เล่นสาดน้ำขึ้นได้

แต่ก็มีหลักฐานว่า คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั่วไป ให้ความเคารพน้ำ สัมพันธ์กับคติความเชื่อประเพณี (ผี) เมื่อกลับจากงานศพ มักจะแวะไปที่ลำห้วย ลำธาร เพื่อล้างเนื้อล้างตัว

โดยความเชื่อว่า มิให้วิญญาณผู้ตายตามผู้ไปร่วมงานศพกลับเข้าบ้าน

โชติช่วง นาดอน สรุปว่า วัฒนธรรมคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มจากวัฒนธรรมผี วัฒนธรรมแถน วัฒนธรรมเงือก (เก่าก่อนนาค) วัฒนธรรมขวัญ และการเคารพบูชาน้ำ เป็นวัฒนธรรมร่วมกันมา แต่ดึกดำบรรพ์

ก่อนจะเกิดรัฐไทยโบราณ อย่างทวารวดี หรือศรีเกษตร เอาด้วยซ้ำไป

ความรู้ที่ได้จากโชติช่วง นาดอน ผมอ่านแล้วก็พอจะต่อยอดออกไปได้อีกว่า ความเชื่อเรื่องน้ำจากดั้งเดิม “ไล่ผี” ไม่ให้ตามกลับบ้าน กลายมาเป็นการรดน้ำผู้ใหญ่ เพื่อแสดงความเคารพ

หรือการสาดน้ำใส่กันเพื่อลดความร้อน หรือความบันเทิง ก็แล้วแต่เป็นการใช้ประโยชน์จากน้ำตามเหตุปัจจัย

สงกรานต์ปีนี้ หากจะไม่รดน้ำ ไม่สาดน้ำ เพื่อหนีโควิด-19 ให้ไกลๆ รักษาชีวิตกันไว้ให้ถึงปีหน้า น่าจะเป็นทางเลือกที่จำเป็น.

กิเลน ประลองเชิง