- เปิดโทษ "เมาแล้วขับ" ปรับสูงสุด 200,000 บาท
- ปฏิเสธเป่า = เมาแล้วขับ
- สถิติอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2563
เมื่อพูดถึง "เทศกาลไทย" ไม่ว่าจะเป็น วันขึ้นปีใหม่ วันสงกรานต์ หรือ วันตรุษจีน หลายคนมักเดินทางมาอยู่รวมกันเพื่อสังสรรค์กับคนในครอบครัว ญาติ พี่น้อง และกลุ่มเพื่อนใน "เทศกาลแห่งความสุข" ที่จะได้พักผ่อนกันนานๆ ในช่วงวันหยุดยาว
โดยการเฉลิมฉลองเหล่านี้ มักมีสิ่งที่อยู่คู่กันมาตลอด คือการดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งถือเป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุในระหว่างการเดินทาง จนส่งผลให้สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุบัติเหตุจากการจราจรทางบกที่มีสาเหตุมาจาก "เมาแล้วขับ"
แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส "โควิด-19" ที่ส่งผลให้เทศกาลวันสงกรานต์ ในปี 2564 นี้ รัฐบาลต้องออกมาประกาศว่า งดเล่นน้ำ, งดประแป้ง, งดปาร์ตี้โฟม, งดคอนเสิร์ต ซึ่งคาดว่าจะทำให้เทศกาลสงกรานต์ในปีนี้เกิดอุบัติเหตุทางถนนลดลงกว่าปีที่ผ่านๆ มา อันเนื่องมาจากมีการงดกิจกรรมบันเทิง
...
โดยข้อมูลอุบัติเหตุทางเทศกาลสงกรานต์ จากศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ระบุว่าปี 2563 พบเกิดอุบัติเหตุ 1,307 ครั้ง, บาดเจ็บ 1,260 ราย และมีผู้เสียชีวิตรวม 167 ศพ ซึ่งการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมานั้น สาเหตุมาจากขับรถเร็ว ตัดหน้ากระชั้นชิด วูบหลับใน และเมาแล้วขับ
สำหรับการดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถ จะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการขับรถลดลง เช่น มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ โอกาสเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุเป็น 2 เท่า และหากมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ โอกาสเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นเป็น 6 เท่า
นอกจากนี้ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 ได้ระบุห้ามมิให้ขับขี่รถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมา และได้มีการเพิ่มโทษหนักขึ้นกับ พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2550 กำหนดโทษของการเมาแล้วขับ ได้แก่
1. เมาแล้วขับ เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ มีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบขับขี่
2. เมาแล้วขับ เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส มีโทษจำคุก 2-6 ปี ปรับตั้งแต่ 40,000-120,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือเพิกถอนใบขับขี่
3. เมาแล้วขับ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุก 3-10 ปี ปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนใบขับขี่
สำหรับช่วงคุมเข้มอุบัติเหตุเทศกาลสงกรานต์ หรือที่เรียกว่า 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 10-16 เมษายน 2564 ในปีนี้เจ้าหน้าที่จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ พร้อมตั้งจุดตรวจ เพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นจริงจังและต่อเนื่องตาม 10 มาตรการ ดังนี้
1. ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด
2. ขับรถย้อนศร
3. ฝ่าฝืนสัญญาณจราจร
4. ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
5. ไม่มีใบขับขี่
6. แซงในที่คับขัน
7. เมาสุรา
8. ไม่สวมหมวกนิรภัย
9. มอเตอร์ไซค์ไม่ปลอดภัย
10. ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ
...
กรณีผู้ขับขี่ไม่ยอมให้ทดสอบความสามารถในอันที่จะขับหรือเมาสุรา หรือของอย่างอื่น ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นเมาสุราหรือเมาของอย่างอื่น รวมทั้งจะเนินการตามมาตรการ ตรวจวัดแอลกฮอล์ อย่างเข้มข้นในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแล้วทำให้มีผู้บาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิต ดังนี้
1. กรณีที่ผู้ขับขี่รู้สึกตัวดีให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เครื่องมือตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ทางลมหายใจ
2. กรณีที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถตรวจทางลมหายใจได้ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหนังสือส่งตัวผู้ขับขี่ดังกล่าวไปยังโรงพยาบาลเพื่อเจาะเลือดตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์
ปฏิเสธเป่า = เมาแล้วขับ
ถ้ากรณีผู้ขับขี่ไม่ยอมให้ทดสอบ หย่อนความสามารถในการขับขี่โดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่ง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมใหม่ จะให้อำนาจเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งให้ผู้ขับขี่หยุดรถ โดยโทษปรับหากคนขับรถไม่ยอมให้ตรวจแอลกอฮอล์ พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2557 ระบุว่า เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินคดีกับคนขับฐานขับรถเมาแล้วขับรถขณะเมาสุราได้ โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
...
ส่วนกรณีไม่ยินยอมให้ทดสอบ ให้สันนิษฐานว่ามีเหตุอันควรเชื่อว่าเมาไว้ก่อน จะมีบทลงโทษคือจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยผู้ถูกกล่าวหาไปสืบพยานหักล้างในศาลได้
สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นเทศกาลอะไรก็ตาม การได้เดินทางไปท่องเที่ยว หรือเดินทางกลับไปหาคนที่เรารัก ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข หากเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ การรวบรวมสติ และคิดหาทางแก้ไขปัญหา แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเราไม่ประมาท เพื่อยืดเวลาที่จะได้อยู่กับคนที่เรารักไปนานๆ.