สภาพอากาศในระยะนี้ เอื้อต่อการระบาดของโรคราแป้ง กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรชาวสวนเงาะเฝ้าระวังโรคราแป้ง โดยเฉพาะในระยะที่ต้นเงาะกำลังสร้างช่อดอกและติดผลอ่อน

อาการเริ่มแรกจะพบผงสีขาวหรือสีเทาอ่อนคล้ายแป้งเกาะบนช่อดอกและตามร่องขนของผลเงาะ ทำให้ต้นเงาะติดผลน้อยหรือไม่ติดผล

กรณีที่เงาะติดผลจะมีผลขนาดเล็กไม่สมบูรณ์ ผลหลุดร่วงง่าย หรือผลเน่าแห้งติดคาที่ก้านช่อ หากเป็น โรคราแป้ง ในระยะผลโต จะทำให้ขนที่ผลแห้ง แข็ง ผิวผลมีสีคล้ำไม่สม่ำเสมอ...ถ้าอาการรุนแรงจะทำให้ขนกุด เรียกว่า เงาะขนเกรียน หรือ เงาะนิโกร

ในระยะที่ผลเงาะกำลังสุกส่วนที่มีเชื้อราปกคลุมจะมีสีซีดกว่าปกติ และอาจพบอาการของโรคได้ที่ส่วนยอดและใบ หากอาการรุนแรงจะทำให้ใบอ่อนร่วงได้

แนวทางป้องกันให้เกษตรกรกำจัดวัชพืชในแปลงปลูก และตัดแต่งทรงพุ่มต้นเงาะให้โปร่ง เพื่อเป็นการลดความชื้นในทรงพุ่ม อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อราก่อโรค และหมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ

หากพบโรคให้ตัดแต่งและเก็บส่วนที่เป็นโรคนำไปทำลายทิ้งนอกแปลงปลูก เพื่อลดปริมาณเชื้อราในแปลง เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการเกษตรเมื่อใช้แล้วควรนำเครื่องมือมาทำความสะอาดด้วยการล้างและผึ่งแดดให้แห้งก่อนนำกลับไปใช้ในแปลงทุกครั้ง

กรณีพบการระบาด ให้ฉีดพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช ซัลเฟอร์ 80% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไตรโฟรีน 19% อีซี อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ เบโนมิล 50% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร

ให้หลีกเลี่ยงการพ่นสารในช่วงที่ดอกเงาะบานหรือเริ่มติดผลอ่อน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อแมลงช่วยผสมเกสรและให้หยุดพ่นสารก่อนการเก็บเกี่ยวอย่างน้อย 15 วัน

...

สำหรับสารซัลเฟอร์ ไม่ควรพ่นในช่วงที่มีสภาพอากาศร้อนหรือมีแดดจัด เพราะอาจทำให้เกิดอาการไหม้ที่ช่อดอกและผลอ่อนได้.

สะ–เล–เต