- ทภ.4 เดินหน้าดับไฟใต้ ตามยุทธศาสตร์ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา พร้อมเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ เข้าหามวลชน
- งัดแผนเสริมสร้างสันติสุข จชต. หวังนำไปสู่การแก้ปัญหา 3 จชต.อย่างยั่งยืน เพื่อนำความสันติสุขสู่พี่น้องชาวใต้เดิม
- เดินหน้าปรับยุทธวิธี เน้นกลยุทธ์เชิงรุก นำชป.จรยุทธ์ ลาดตระเวนถึงพื้นที่ จำกัดเสรีการปฏิบัติของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง
แม้สัญญาณการเกิดเหตุใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา การเกิดเหตุรายวันได้ลดลง ประกอบกับรัฐบาลและกองทัพ เริ่มใช้ความเข้มข้น นำมาตรการเชิงรุก โดยการปรับเปลี่ยนยุทธวิธี เน้นการเข้าไปปราบปราม ตัดวงจรเชื่อมโยง โดยเฉพาะแนวร่วมที่เป็นเด็ก เยาวชน เพื่อขยายผลนำไปสู่การจับกุมระดับแกนนำ หัวหน้าขบวนการ
แต่ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์ยังคงเกิดเหตุ โดยคนร้ายมักพุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และข้าราชการ ทำให้ในพื้นที่ยังอยู่ในความไม่สงบ โดยขบวนการผู้ก่อเหตุยังคงสร้างสถานการณ์แย่งชิงพื้นที่ เพื่อให้มวลชน ประชาชน ตลอดจนชาวบ้านเกิดความหวาดกลัวในความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน หวังสร้างภาพให้เห็นความรุนแรงยังมีอยู่ และมุ่งทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐเป็นหลัก ทั้งการวางระเบิด ซุ่มยิง รวมถึงในบางครั้งยังก่อเหตุทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

...
ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ อส. ทหารพราน หลายนายที่ต้องบาดเจ็บ บางคนสาหัส พิการ หรือไม่ก็เสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเหตุเมื่อวันที่ 31 ม.ค.64 คนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนศรีสาคร ระหว่างเดินทางเข้าตรวจสอบเสาสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในพื้นที่หมู่ที่ 6 บ้านไอร์กาแซ ต.ศรีสาคร อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส จนได้รับบาดเจ็บ
ต่อมา ในวันที่ 13 ก.พ. ผู้ก่อเหตุลอบวางระเบิด จนท.ทหารพราน ร้อย ทพ.4904 ทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย บริเวณบ้านตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส จากนั้นวันที่ 25 ก.พ. ก็กลับมาก่อเหตุลอบวางระเบิดแล้วยิงถล่มซ้ำ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย ทพ.4513 บริเวณเชิงเขาหลังหมู่บ้านแฮ ม.4 ต.บองอ จ.นราธิวาส ส่งผลทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต 2 นาย ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย

ซึ่งหลายครั้งที่เหตุการณ์มักจบลงด้วยการบาดเจ็บ ล้มตาย ของเจ้าหน้าที่ กระทั่งฝ่ายทหารต้องปรับเปลี่ยนยุทธวิธีอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งไปที่การป้องกัน ปราบปราม ไล่ล่า โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ขบวนการเหล่านี้หยุดการสร้างสถานการณ์ โดยการจับแนวร่วมนำมาขยายผลสู่ตัวการ เพื่อนำไปสู่การจับตัวการใหญ่ รวมถึงแกนนำ ซึ่งทั้งหมดฝ่ายความมั่นคงต้องการสร้างความสงบสุข หยุดการก่อเหตุ และนำความร่มเย็นกลับคืนสู่พี่น้องชาวภาคใต้
จะเห็นว่า พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ผอ.รมน.4) หลังขึ้นมารับหน้าที่ ยังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยได้นำแผนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ 2564 ต่อยอดการทำงาน สนองความต้องการของพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ เพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เกิดความยั่งยืน ภายใต้กรอบแนวทางยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ร่วมใจชาวประชา นำพาสู่สันติสุข ตามนโยบายสำคัญเร่งด่วน 5 งาน คือ

1. งานการควบคุมพื้นที่และการบังคับใช้กฎหมาย มุ่งเน้นการดูแลพื้นที่ให้ปลอดเหตุ ประชาชนให้ปลอดภัย และบังคับใช้กฎหมายด้วยความเป็นธรรมภายใต้หลักสิทธิมนุษยชน และการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย ขณะเดียวกันก็ยังคงเปิดโอกาสให้บุคคลที่เห็นต่างเข้ามาร่วมพูดคุยแสวงหาทางออกโดยสันติวิธีอย่างต่อเนื่อง
2. งานการแก้ไขปัญหายาเสพติด ยังคงมุ่งเน้นในด้านการป้องกัน, ปราบปราม, บำบัดรักษา และพัฒนาคุณภาพชีวิต
...

3. งานการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง เน้นให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขับเคลื่อนกิจกรรมด้านการเรียนรู้ค่ายพหุวัฒนธรรม ภายใต้กรอบการดำเนินงาน 6 สถาบัน และให้หน่วยเฉพาะกิจจังหวัดร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ จัดกิจกรรมพบปะพัฒนาสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องไทยพุทธ และไทยมุสลิม เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และอยู่ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมอย่างปกติสุข
4. งานการส่งเสริมการพัฒนาเพื่อความมั่นคง มุ่งเน้นให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขับเคลื่อนงานการพัฒนา ทั้งในระดับฐานราก และโครงการขนาดใหญ่ ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการสร้างงาน สร้างอาชีพในพื้นที่มากที่สุด

...
5. งานการสร้างความเข้าใจ มุ่งเน้นการใช้ทุกกลไกอำนาจรัฐ และผู้นำศาสนาเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างความเข้าใจทั้งในและนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงประชาคมโลก
นอกจากนี้ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ยังคงเดินหน้าลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจกำลังพลทุกหน่วยในพื้นที่ 3 จชต. ทุกวันอย่างต่อเนื่อง ร่วมทั้งติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ขับเคลื่อนแผนงาน เพื่อให้แผ่นดินด้ามขวานทองเกิดความสงบสุข เกิดสันติสุขโดยเร็ววัน

"ผมพร้อมที่จะทำทุกภารกิจให้สำเร็จ ทั้งในการติดตามเป้าหมายสำคัญ จับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุที่ลอบโจมตีทหารชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ เพราะหลังตรวจพบความเคลื่อนไหวพบกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงอยู่ในพื้นที่ จะส่งทหารด้วยการลาดตระเวน พิสูจน์ทราบ ซุ่มเฝ้าตรวจทั้งกลางวันและกลางคืน โดยทางเทคนิคและเครื่องมือพิเศษ ตามเส้นทางลำน้ำ แนวป่าเขา ของหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมประจำจังหวัด เพื่อค้นหาเป้าหมาย และควบคุมพื้นที่ป้องกันการหลบหนี ตลอดจนปฏิบัติการด้านการข่าวเชิงรุก และสร้างความสัมพันธ์กับชาวบ้าน หากมีการเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่"
...
ทั้งนี้แนวปฏิบัติในพื้นที่เมื่อเกิดเหตุการณ์ "แม่ทัพภาคที่ 4" มักจะใช้วิธีจำกัดเสรีภาพของแนวร่วมขบวนการ ในการให้ความช่วยเหลือไว้ก่อน พร้อมส่งกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการลงพื้นที่ และให้เพิ่มความระมัดระวังรอบคอบ ไม่ประมาท โดยต้องปรับเปลี่ยนยุทธวิธีทั้งรุกและรับ ให้เข้ากับสถานการณ์ โดยนำ ชป.จรยุทธ์ ออกลาดตระเวนพิสูจน์ทราบ และกดดัน เพื่อจำกัดเสรีการปฏิบัติของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่เป้าหมาย และค้นหาแหล่งหลบซ่อน พื้นที่ฝึก พื้นที่พักพิง เพื่อทำลายความพยายามในการก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง โดยตรวจสอบเส้นทางเคลื่อนที่ในพื้นที่ให้ได้ เพื่อชิงความได้เปรียบให้ได้มาซึ่งภารกิจในการติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว

"หลักการปฏิบัติงานยังมุ่งเน้นตามนโยบายกองทัพบก และกองทัพภาคที่ 4 เพื่อให้สอดรับกับนโยบาย ภารกิจในด้านการสร้างความเข้าใจ ด้านการพัฒนา ด้านความมั่นคง และด้านการสร้างสภาวะแวดล้อมให้เกื้อกูลตามแนวทางสันติวิธี ตามแนวทางยุทธศาสตร์ 'เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา' เพื่อสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการขับเคลื่อนการบูรณาการแผนงานโครงการต่างๆ ป้องกัน และเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้สูงสุด"
แม่ทัพภาคที่ 4 มองว่า การสร้างสถานการณ์ให้สงบสุข นอกจากนำกำลังเข้าปราบปรามแล้ว อีกสิ่งที่ได้ผลคือ การสร้างมวลชน และพบปะเข้าเยี่ยมคารวะผู้นำศาสนา หรือจุฬาราชมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย แม้กระทั่งการขอเข้าไปพบที่บ้านพักใน ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง เพื่อหารือและยืนยันเจตนารมณ์สานต่อนโยบายในการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้แนวทางสันติวิธี"

การพูดคุยเท่านั้นที่จะเป็นการทำความเข้าใจ เป็นหลักในการนำมาซึ่งการร่วมกันแก้ไขปัญหา ที่ต้องใช้ความเข้าใจ เข้าถึงปัญหา และเรียนรู้ปัญหาต่างๆ ผ่านการพูดคุย นำมาสู่การแก้ไขด้วยแนวทางสันติวิธี ไม่ใช้ความรุนแรง ยึดหลักความถูกต้อง ไม่สร้างความแตกแยก เป็นกลาง สร้างความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย ไม่สุด ไม่ตึง และไม่หย่อนเกินไป หากแต่อยู่ร่วมกันได้ท่ามกลางความหลากหลายภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม
ถ้าเราไม่สามารถนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติได้ ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเป้าหมายที่วางเอาไว้ ไม่เข้าใจในวิธีการ เราไม่รับทราบ เราไม่ลงมือทำ ผลสำเร็จในภารกิจก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะความเป็นทหารตั้งแต่พลทหารจนถึงแม่ทัพ ถือเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการที่จะแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติในทุกมิติ รวมทั้งในการเสริมสร้างความเข้าใจ การตระหนักรู้เป็นสิ่งสำคัญ ทุกคนต้องมีองค์ความรู้ สามารถไปถ่ายทอดให้กับแนวหน้าที่ปฏิบัติงานได้อย่างถ่องแท้

"สิ่งสำคัญ ทหารทุกคนต้องมีอุดมการณ์อันแน่วแน่ต่อความรักชาติเป็นสูงสุด การสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดจากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เข้าไปให้ถึงความต้องการของพี่น้องประชาชน แล้วนำมาเสนอต่อผู้บังคับบัญชาสู่แนวทางแก้ไขปัญหา เพราะความหวังสันติสุขอยู่ที่พวกเราทุกคน".
ผู้เขียน : คชสีห์ 88
กราฟิก : Sriwan Singha